ในวันที่ฉันหักขาตั๊กแตน – เรื่องเล่ากรรม จากประสบการณ์จริงของผู้อ่าน
วันที่ฉันหักขา ตั๊กแตน ฉันยังจำวันนั้นได้อย่างแม่นยำทุกตอน ทุกวันนี้ฉันเชื่อแล้วว่ากรรมมีจริงและตามมาเร็วมาก ทุกอย่างย้อนกลับมาหาเราได้ทุกเวลาไม่ช้าก็เร็ว
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลานานมากแล้ว แต่ก็อดที่จะคิดถึงอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ เมื่อครั้งเยาว์วัยฉันชอบเล่นทุกอย่างที่เพื่อน ๆ เล่น เห็นเขาเล่นอะไรก็เล่นบ้าง นึกว่าทุกเรื่องคือเรื่องสนุก แม้กระทั่งการทำร้ายสัตว์ การฆ่าสัตว์
จำได้ว่าตอนเล็ก ๆ ที่ท่าวาสุกรีสมัยนั้นเป็นท้องทุ่ง มีสนามบอลที่ได้มาตรฐานอยู่แห่งหนึ่ง เท่าที่จำได้ช่วงนั้นน่าจะเป็นฤดูฝน เพราะต้นหญ้าที่สนามบอลสูงเลยหัวพวกเรามาก พวกเราวิ่งเล่นจับตั๊กแตนกันตามภาษาเด็ก ๆ ตั๊กแตนที่ว่าเป็นตั๊กแตนปาทังก้าที่สมัยนี้นำมาทอดกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
พวกเรามีความสุขมากที่ได้วิ่งเล่นไล่จับตั๊กแตนโดยใช้ไม้ไผ่ยาวประมาณตัวเราเอง ตรงปลายไม้ หาถุงพลาสติกเล็ก ๆ ผูกกับปลายไม้ไว้ เพื่อวิ่งไล่จับทั้งแมงปอและตั๊กแตน พวกเราไม่ได้จับไปเพื่อทอดกิน แต่เพื่อเล่นสนุก ๆ ใครจับได้ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งดี พอได้ตั๊กแตนมาแล้ว เราก็หักข้อขาตั๊กแตน (เน้นว่าข้อขาตั๊กแตน) พอหักเสร็จก็เอาเชือกไหมพรมที่เราเตรียมไว้ผูกขาตั๊กแตนอีกข้างหนึ่ง เวลาตั๊กแตนบินจะได้จับทัน โดยคว้าที่เชือกไหมพรม ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อแข่งกันว่าตั๊กแตนของใครบินไปได้ไกลคนนั้นชนะ
นี่คือความสนุกสมัยเด็ก ๆ พวกเราไม่คิดอะไรนอกจากสนุกและได้แข่งชนะกันแค่นั้น เวลาผ่านมาเจ็ดปีฉันได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน เล่นกรีฑา กระบี่กระบอง และวอลเลย์บอล พูดง่าย ๆ ว่าเล่นทุกอย่างที่เป็นกีฬา
มีอยู่วันหนึ่งจำได้ว่าอยู่ ม. 4 เป็นวันที่ฉันต้องแข่งกีฬาโรงเรียนพร้อม ๆ กันสองอย่าง วันนั้นฉันไม่ได้วอร์มร่างกาย เวลาประมาณบ่ายสามเห็นจะได้ ฉันต้องโชว์ดาบสองมือ จากนั้นก็ลงแข่งดาบสองมือเลยและสุดท้ายคือแข่งวอลเลย์บอล
ตอนนั้นจำได้ว่า ฉันมีสายสิญจน์สีเหลืองห้อยคอและมีจี้คล้าย ๆ ตะกรุด แต่พ่อเคยบอกว่ามันคือเหล็กไหล ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าเหล็กไหลคืออะไร เหล็กไหลมีขนาดเท่านิ้วก้อยของฉัน แต่สั้นครึ่งหนึ่งของนิ้วก้อยและมีทองเคหุ้มไว้เป็น 5 แฉกแน่นหนามาก เหล็กไหลไม่สามารถหลุดออกไปได้นอกเสียจากสายสิญจน์จะขาดหายไปทั้งเส้น
ตอนที่ฉันแข่งดาบสองมือเสร็จ ฉันรู้สึกเพลีย ๆ และเหนื่อยมากแต่ก็ต้องรีบลงมาด้านล่างเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงแข่งวอลเลย์บอลต่อ ตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ฉันก็คลำเหล็กไหลที่คอ แล้วต้องตกใจว่ามันหายไป แปลกตรงที่ว่าทองเคที่หุ้มไว้ยังอยู่สภาพเดิม แต่ทำไมเหล็กไหลข้างในหายไป ตอนนั้นไม่คิดอะไรนอกจากว่าต้องรีบหาให้เจอ เพราะกลัวพ่อจะว่า พ่อเคยบอกไว้ว่า ถ้าเราทำตัวไม่ดี มันก็จะไหลไปอยู่กับคนที่ดี แต่ฉันไม่เชื่อเพราะไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ได้ลบหลู่แต่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ฉันกับเพื่อนอีกคนช่วยกันหาแทบทุกที่ที่ฉันไป แต่ก็ไม่เจอ จนสุดท้ายเราต้องเลิกหาเพราะถึงเวลาต้องแข่งวอลเลย์บอลแล้ว ฉันจึงต้องลงสนามแบบไม่มีกะจิตกะใจเลย
จากตอนแรกที่ฉันเชื่อมั่นว่าจะต้องชนะ แต่วินาทีนั้นกลับบอกความรู้สึกไม่ถูก บวกกับทีมของเราก็อ่อนมาก มีแค่ฉันกับเพื่อนอีกคนชื่อเล็กเท่านั้นที่เล่นโอเค เราสองคนคอยประคองทุกลูกที่เพื่อนในทีมทำเสีย แต่ฉันก็รู้ว่าทีมที่ฉันแข่งด้วยมีหลายคนที่เก่งพอสมควร เพราะเราเคยเล่นกันทุกเย็นหลังเลิกเรียน
ไม่น่าเชื่อว่าการเล่นวอลเล่ย์บอลครั้งนี้ทำให้ฉันต้องคิดถึงอดีตที่ผ่านมา แค่ลูกเสิร์ฟจากฝ่ายตรงข้ามลอยมาที่หน้าเนต เพื่อนของฉันตั้งให้เพื่อให้ฉันกระโดดตบลงฝ่ายคู่ต่อสู้ แต่วินาทีนั้นจำได้ว่าขณะที่ฉันลอยตัวเพื่อจะตบลูกบอล ง้างมือแล้วแต่ตบไม่โดนลูก ร่างของฉันเลยตกลงมา จำได้แม่นว่าขาลงปกติ เข่าไม่ได้กระแทกพื้นแม้แต่นิดเดียว แต่พอจะลุกขึ้น ฉันกลับรู้สึกเจ็บเข่าข้างซ้ายมาก เหมือนขาหักกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น แต่ด้วยสปิริตนักกีฬาฉันก็เลยเล่นจนจบเกมทั้ง ๆ ที่ขากะเผลก
แม้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะได้ชัยชนะในการแข่ง แต่ตัวฉันเองต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิระ หลังตรวจหมอบอกว่าหมอนรองสะบ้าแตกต้องผ่าเอากระดูกออก ฉันงงมากว่าขาของฉันไม่ได้กระแทกอะไรแม้แต่น้อย ทำไมถึงหักได้
หลังจากนั้นมาขาของฉันก็ไม่ปกติ และยังถูกรถชนซ้ำ เล่นกีฬาอะไรไม่ได้อีกเลย ความหวังอยากติดธงที่หน้าอกก็สลายไป ไม่มีอะไรเหลือนอกจากความเจ็บปวดทั้งจิตใจและร่างกาย จากเมื่อก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องกรรม แต่กลับเจอเข้าเอง สิ่งที่นึกถึงคือเราไปทำร้ายตั๊กแตนตัวนั้นทำไม นึกถึงอยู่ตลอดเวลาเมื่อได้อ่านหรือมีใครเล่าเรื่องกรรม
จากเหตุการณ์นั้นถึงวันนี้ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่ยังคงจำวันนั้นได้อย่างแม่นยำทุกตอน ในวันนี้ฉันเชื่อแล้วว่ากรรมมีจริงและตามมาเร็วมาก ฉันจึงอยากแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ผ่านมาที่เราทำโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ทุกอย่างย้อนกลับมาหาเราได้ทุกเวลาไม่ช้าก็เร็ว!
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ปุญชรัศมิ์