Step 5 ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ
หากคุณพยายามตั้งใจทำงานสุด ๆ แล้ว แต่หนึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่สามารถทำงานได้ จริง ๆ แนะนำให้ลองหันไปทำอย่างอื่นแทน อาจเป็นงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างจัดโต๊ะหรือรีดผ้า ในขณะทำกิจกรรมเหล่านั้น คุณจะคิดได้ว่า “ทำไมฉันต้องเสียเวลาทำงานมาทำอะไรแบบนี้” หลังจากนั้นคุณจะตื่นตัวในการทำงานขึ้นมาอีกเท่าตัว การทำอย่างนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณสามารถเริ่มทำงานได้เท่านั้น แต่คุณยังได้โต๊ะที่สะอาดตาและผ้าเรียบ ๆเพิ่มขึ้นเป็นกอง
Step 6 ธรรมชาติบำบัดช่วยได้
จิลล์ โทมัส (Jill Thomas) นักธรรมชาติบำบัดแนะนำวิธีสลัดความอ่อนเพลียไว้ว่า ให้ลองออกกำลังกายตอนเช้า กินอาหารเช้าที่มีเส้นใยสูง โปรตีนต่ำ และไม่หวาน เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ รับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืชให้ได้วันละ 3 - 5 ขีด เพื่อรักษาค่าความเป็นกรดในเลือดให้อยู่ในระดับเหมาะสม ดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5 - 2 ลิตร เพื่อช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเสีย กินไขมันดี กรดไขมันที่จำเป็น (EFAs) เช่น โอเมก้า - 3 และโอเมก้า - 6 เพื่อช่วยให้เซลล์ประสาททำหน้าที่รับส่งข้อมูลในสมอง และสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นและตื่นตัวพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่
Step 7 เขียนเป้าหมายให้ชัด
ลองเขียนเป้าหมายงานหรือเป้าหมายในชีวิตของคุณเป็นข้อ ๆ ลงบนกระดาษโพสต์อิทหลาย ๆ แผ่น จากนั้นนำไปแปะไว้ในที่ที่คุณมองเห็นบ่อย ๆ เช่น บนโต๊ะทำงาน บนตู้เย็น ข้างเตียงนอน หรือบานกระจกในห้องน้ำ เมื่อทำเรื่องใดสำเร็จตามเป้าหมายแล้วก็ขีดฆ่าออกทีละข้อ วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นว่า แท้จริงแล้วตัวคุณก็มีประสิทธิภาพที่จะทำอะไรให้สำเร็จได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีพลังใจอยากทำเป้าหมายต่อไปให้สำเร็จเช่นกัน
ลองดูนะคะ อาจช่วยให้คุณกำจัดความขี้เกียจออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
ที่มา: คอลัมน์ Life Management นิตยสาร Secret ฉบับที่ 183
เรื่อง: มินู