7 เรื่องราวที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ บิล เกตส์
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานิตยสารฟอร์บส์ เผยผลการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2559 ผลปรากฏว่านาย บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลกยังคงรั้งอยู่ในอันดับที่ 1 อีกครั้ง
แม้จะเป็นบุคคลประสบความสำเร็จและร่ำรวยเบอร์ต้น แต่เขายังมีมุมมองชีวิตและแง่คิดอีกมุมที่หลายคนยังไม่เคยรู้
1.บิล เกตส์ เคยกล่าวในพิธีประสาทปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ว่า “ผมออกจากฮาร์วาร์ดโดยที่ไม่เคยตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมกันอันโหดร้ายในโลกนี้ ความเหลื่อมล้ำในด้านสุขภาพ ทรัพย์สินเงินทองและโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกันกดดันให้คนหลายล้านชีวิตต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง ผมได้ความรู้ใหม่ๆ มากมายจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ การเมือง และผมได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จนสามารถสร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติไม่ได้อยู่ที่การค้นพบความก้าวหน้าเหล่านี้ แต่อยู่ที่การนำสิ่งที่ค้นพบไปช่วยลดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมกัน…การลดทอนความไม่เสมอภาคคือความสำเร็จสูงสุดของมนุษย์…ผมหวังว่าพวกคุณจะกลับมาที่นี่ในอีก 30 ปีข้างหน้า และบอกว่าคุณทำอะไรไปแล้วบ้างเพื่อสิ่งนี้”
2. ตั้งแต่เปิดตัวไมโครซอฟต์ในปี 1976 จนถึงปลายศตวรรษที่ 20 บิลอุทิศชีวิตช่วงนี้ของเขาให้การทำงาน และสนุกสนานกับการดำรงตำแหน่งซีอีโอและหัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมโปรแกรมตามประสาคนหนุ่มทั่วไป โดยไม่เคยคิดเรื่องทำการกุศล จนกระทั่งแม่บังคับให้เข้าพบวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจประกันภัยข้ามชาติอย่าง Berkshire Hathaway
ตอนแรกบิลวางแผนว่าจะคุยกับบัฟเฟตต์แค่ 30 นาทีพอเป็นพิธีแล้วชิ่งหนี แต่การสนทนากลับยืดยาวไปถึง 10 ชั่วโมง และส่งผลให้ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปในที่สุด บิลบอกว่า บัฟเฟตต์ตรึงใจเขาไว้ได้ด้วยความเป็นคนติดดิน ตลก และชอบทำการกุศล ว่ากันว่ามหาเศรษฐีรุ่นพี่ผู้นี้เป็นผู้จุดประกายให้บิลหันมาสนใจเรื่องการกุศลอย่างจริงจังสมดังเจตนารมณ์ของผู้เป็นแม่ที่ว่า
“ใครก็ตามที่ได้รับอะไรไปจากโลกมาก ๆ โลกก็คาดหวังว่าเขาควรจะให้คืนในอัตราที่ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน”
คลิกที่นี่! เพื่ออ่าน 10 แนวคิดโดนใจจากวอร์เรน บัฟเฟตต์
3.วิธีการเลี้ยงลูกของบิล เกตส์ ไม่หรูหราฟุ่มเฟือยแบบมหาเศรษฐีทั่วไป บิล เกตส์ บอกว่า สมบัติมหาศาลที่มี หากยกให้ลูกทั้งหมด ถือเป็นการใช้ความมั่งมีในทางที่ผิด ไม่ดีต่อตัวลูกเองและสังคม ดังนั้นลูก ๆ ต้องรู้จักหาเงินตามวิถีทางของตัว สิ่งที่บิล เกตส์ สามารถให้อย่างไม่สิ้นสุดก็คือการศึกษา อยากเรียนอะไรพ่อจ่ายค่าเล่าเรียนให้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ พ่อจะดูแลทั้งหมด แต่เรื่องรายได้นั้น ลูก ๆ ต้องหางานที่ตัวเองรักเพื่อเลี้ยงตัวเอง ณ เวลานี้ลูก ๆ ก็ต้องรู้จักทำงานบ้านเพื่อได้เงินค่าขนม
4.ลูกๆ ทั้งสามคนของบิลเคยอยากได้ไอโฟน ไอแพ็ดและไอพ็อด แต่บิลและเมลินดา ภรรยาห้ามไม่ให้ใช้ โดยเมลินดาเคยให้สัมภาษณ์ว่าความร่ำรวยของครอบครัวมาจากไมโครซอฟท์ ดังนั้นจะเอาเงินไปให้คู่แข่งได้อย่างไร
แต่กระนั้นก่อนที่สตีฟ จ็อบส์ จะเสียชีวิตบิล เกตส์ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมและใช้เวลาพูดคุยกันหลายชั่วโมง เพื่อรำลึกถึงอดีตและพูดถึงเรื่องอนาคต โดยบิล เกตส์ได้บอกกับสตีฟ จ็อบส์ ว่า เขาควรภูมิใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้สร้างสรรค์ไว้กับความสำเร็จของแอปเปิล
การพูดคุยกับสตีฟ จ็อบส์ ในวันนั้นบิล เกตส์ บอกว่า ไม่ได้เป็นการพยายามสร้างสันติ เพราะเขาทั้งสองไม่เคยมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกัน ต่างคนต่างสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ชั้นยอด ซึ่งการแข่งขันนั้นเป็นเรื่องดีเสมอ
5.บิลสนใจปัญหาใหญ่ของโลกอย่างเรื่องโลกร้อน ซึ่งคนทั่วไปอาจจะช่วยด้วยการใช้ถุงผ้าหรือปิดไฟแต่สำหรับคนระดับบิล เกตส์ สิ่งที่เขาจะทำต้องไม่ธรรมดานั่นคือ เขาตั้งหน้าค้นคว้าเรื่องไดโนเสาร์เพราะเชื่อว่าการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์น่าจะเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนมากกว่าสาเหตุอื่น ซึ่งถ้าทราบสาเหตุที่ถูกต้องก็จะช่วยป้องกันโลกจากภาวะโลกร้อนได้
6.บิลเคยเดินทางไปพูดคุยกับเด็กนักเรียนทั่วสหรัฐ เพื่อสร้างความกระตือรือร้นให้คนรุ่นใหม่ใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อแก้ปัญหาของโลก ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนอื่น เขาบอกว่า อยากให้ผู้คนพูดถึงปัญหาความยากจน โรคร้ายและภาวะโลกร้อน ให้เหมือนกับเวลาที่คุยเรื่องตกปลา กีฬาและตลาดหุ้น โดยต้องปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ให้เข้าไปอยู่ในสายเลือดตั้งแต่ยังเด็ก
7. มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ ยึดแนวทางในการทำมูลนิธิของแอนดรูว์ คาร์เนกี และจอห์น ดี. รอกกีเฟลเลอร์เป็นต้นแบบ มีแนวคิดที่แสนเชย ทว่าจับใจว่า “เพราะทุกชีวิตมีคุณค่าเท่ากัน”
ผลงานหลักของมูลนิธิคือ ช่วยลดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บในประเทศยากจน เช่น สนับสนุนการวิจัยเพื่อผลิตยาและวัคซีนป้องกันโรคระบาดในทวีปแอฟริกา และเป็นสปอนเซอร์หลักให้โครงการขจัดโปลิโอขององค์การอนามัยโลก นอกจากนั้นมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ยังนิยมช่วยเหลือเด็กที่เรียนเก่งและเป็นคนดีให้มีโอกาสได้เรียนต่อเช่น บริจาคเงินจำนวน 210 ล้านดอลลาร์ก่อตั้ง กองทุนเพื่อการศึกษาเกตส์เคมบริดจ์ เพื่อแจกทุนการศึกษาแบบให้เปล่าปีละ 200 ทุนแก่นักศึกษาทั่วโลก
เป็นที่น่าสังเกตว่ามหาเศรษฐีระดับโลกอย่างบิลซึ่งมีทรัพย์สินเงินทองเป็นแสนๆ ล้านยังค้นพบว่า การเก็บกอดความสำเร็จและความร่ำรวยไว้กับตัว มิได้นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง…การแบ่งปันต่างหากคือคำตอบ
ภาพจาก Theverge
บทความน่าสนใจ
บิล เกตส์ สอนลูกอย่างไร? บทความน่าคิดจาก ท่าน ว.วชิรเมธี
ชีวิตนี้ไม่เสียชาติเกิด ครูลิลลี่ กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์
ครูนัท หนุ่มใจบุญ อุทิศตนวิ่งเพื่อ รพ.ทองผาภูมิ
30 ข้อคิดด้านความมั่งคั่ง ความสำเร็จ และความสุข จากขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร
7 ข้อคิดในวันที่รู้สึกว่า ชีวิตล้มเหลว