บั่นทอนจิตใจ
เพราะความรู้สึกของมนุษย์ทุกคนถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและยากแท้ที่จะหยั่งถึง จนในบางครั้งอาจเกิดการ บั่นทอนจิตใจ ตัวเอง จากความคิดแบบไม่ทันได้รู้ตัว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ความคิดในหัวของคนเราสามารถส่งผล และมีอิทธิพลที่รุนแรงต่อจิตใจได้อย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากเป็นความคิดในด้านบวก ก็ย่อมส่งผลต่อสุขภาพจิตให้รู้สึกดี และมีความสุขขึ้นได้ แต่ถ้าหากเป็นด้านลบ แน่นอนว่า ก็ย่อมต้องทำให้จิตใจภายในเกิดความรู้สึกหดหู่ขึ้นได้มากอีกเช่นกัน
เพราะด้วยความคิดที่ดังอยู่เพียงแค่ข้างใน และไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาให้ใครได้ยินได้ จึงอาจมีส่วนทำให้เราถูกครอบงำด้วยความรู้สึกด้านมืด ที่อาจส่งผลร้ายต่อจิตใจอย่างการบั่นทอนแบบไม่ทันได้คาดคิด
ดังนั้น ลองมาเช็กตัวเองกันหน่อยซิว่า เรากำลังมีพฤติกรรมที่อาจมีส่วนทำร้ายหัวใจตัวเองกันอยู่หรือเปล่า !?
1.การคิดถึงสิ่งเดิมๆ ที่เคยมี
คงไม่ใช่เรื่องแปลก หากในตอนนี้เราจะหวนกลับไปคิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข หรือจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งหลายก็ตาม เพราะเรื่องราวในอดีตมักจะมีบทเรียนชีวิตที่มากมายซ่อนอยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยรอยยิ้ม รวมถึงคราบน้ำตาจางๆ บางเรื่องราวจึงมีอิทธิพลต่อจิตใจอยู่ลึกๆ และเมื่อคิดถึงทีไรกลับสร้างความรู้สึกน่าเศร้าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะการนึกถึงความสุขที่เคยมีในตอนนั้น แต่กลับไม่มีอีกแล้วในปัจจุบันนี้
ทางที่ดีเราจะไม่ห้ามให้คุณหยุดคิดถึงอดีตเหล่านั้น แต่เราอยากให้คุณคิดถึงอดีตบางเรื่องราวที่สามารถทำให้คุณยิ้มได้มากกว่านั่งร้องไห้ จงเรียนรู้และขอบคุณบทเรียนจากมันซะ เพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกในอนาคต เพราะหากไม่มีอดีตในวันนั้น ก็คงไม่มีคุณที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ จริงไหม…?
2.การโหยหาในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ในบางครั้งความต้องการก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถห้ามได้ ซึ่งก็เหมือนกับความไม่ต้องการในบางสิ่งที่เราเองก็ไม่สามารถห้ามมันให้เกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น การอยากได้บางสิ่งบางอย่างให้มีอยู่ในชีวิตจึงไม่ใช่เรื่องแปลกของคนทั่วไป
แต่การไม่พิจารณาและมองให้เห็นถึงความเป็นจริง อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าผิดได้ โดยเฉพาะ การเสียเวลาไปกับความต้องการที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นหรือเป็นไปได้ จนอาจเป็นการทำลายตัวเราเองให้พังลงแบบไม่ทันรู้ตัว
3.การมองตัวเองว่าเป็นบุคคลยอดแย่
เพราะขึ้นชื่อว่าได้ ‘ เกิดมาเป็นคน ’ ก็ย่อมต้องมีดีบ้าง ร้ายบ้าง ปะปนกันไปเป็นเรื่องธรรมดา และการมองตัวเองว่าเป็นคนที่แย่เกินกว่าจะทำทุกอย่างให้ออกมาดีได้นั้น ก็ไม่สามารถช่วยให้สิ่งที่ทำอยู่หรือตัวคุณดูดีขึ้นมาได้เช่นกัน นอกเสียจากว่า จะเป็นการบั่นทอนจิตใจตัวเองให้มีแต่ย่ำแย่ลง
จึงอยากให้เข้าใจว่าทุกคนบนโลกใบนี้ ก็ไม่ได้มีมาตรฐานในการวัดเรื่องของความรู้สึกที่เท่ากัน ซึ่งการทำทุกสิ่งอย่างเต็มที่และดีที่สุดของเรา อาจกลับกลายเป็นว่าไม่ดีก็ได้เมื่อเทียบกับความรู้สึกของคนอื่น
ดังนั้น ถ้าหากทำดีที่สุดแล้ว ก็อย่ามัวมองว่าตัวเองเป็นคนที่แย่อยู่เลย เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเกิดความรู้สึกเสียดาย เพราะได้ทำมันออกมาอย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้ว ซึ่งเชื่อว่าต้องมีสักคนที่มองเห็นและสัมผัสมันได้แน่นอน
4.รู้สึกอ่อนแอกับบางเรื่องที่ไม่สมควร
ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่า เรื่องของความรู้สึก เป็นสิ่งที่ไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้เลยจริงๆ เพราะต่อให้คุณจะเป็นคนที่มีความเข้มแข็งในตัวมากขนาดไหน แต่ลึกๆ แล้ว ก็ย่อมต้องมีความรู้สึกอ่อนแอซ่อนอยู่ข้างในบ้างเป็นธรรมดาอยู่ดี
ซึ่งคนเราจะมีความอ่อนแอได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะมันทำให้ได้รู้ว่า เรายังคงเป็นคนที่มีหัวใจและความรู้สึกต่างๆ อยู่ ดังนั้น ควรแสดงความอ่อนแอที่มีอยู่ให้กับแค่เรื่องบางเรื่องที่สมควร อย่ามัวเสียเวลาและเสียความอ่อนแอไปให้กับเรื่องที่มันทำร้ายตัวคุณอีกเลย
5.ปล่อยให้ใจไปขึ้นอยู่กับคนอื่น
หัวใจของมนุษย์ทุกคนมีได้แค่ดวงเดียว ดังนั้น อย่ายอมสูญเสียความเป็นตัวเอง โดยการเอาหัวใจและความรู้สึกไปฝากไว้กับคนอื่นจะดีกว่า
เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะเยียวยาและรักษามันได้ก็คือตัวเราเองอยู่ดี ซึ่งในบางครั้ง แม้แต่เราเองก็อาจไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า หากดูแลจนหายดีแล้ว หัวใจดวงนี้ยังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อยู่อีกไหม
6.ตั้งความหวังกับทุกๆ สิ่งมากเกินไป
การมีความหวังให้กับทุกๆ เรื่องได้ ถือเป็นสิ่งที่ดีและควรทำ เพราะคล้ายกับเป็นการสร้างกำลังใจให้เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่เล็กๆ ภายใน
ซึ่งบางครั้งการตั้งความหวัง ก็ควรตั้งให้อยู่ในจุดที่เรียกว่า ‘ พอเหมาะ และ พอดี ‘ ไม่ควรสูงเกินไปจนมองไม่เห็นหนทาง เพราะอาจเป็นการทำร้ายตัวเองในทางอ้อมแบบไม่รู้ตัว
โดย : sineenow
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย! รวม 7 เรื่องทุกข์ใจของชาววัยรุ่น
5 เทคนิค มองโลกให้สวย ช่วยเพิ่มพลังบวกในชีวิต
7 พฤติกรรม เหนี่ยวรั้งชีวิตให้ย่ำอยู่แต่ที่เดิม