แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ผู้หญิงที่ไม่ได้มีแค่ “ความสวย”
แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ผู้หญิงที่ไม่ได้มีแค่ “ความสวย” เจ้าของรอยยิ้มหวาน เป็นหนึ่งในนักแสดงมากความสามารถที่สร้างความประทับใจ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และหยาดน้ำตาจากคอละครมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เบื้องหลังนั้นเธอไม่ต่างจากคนทั่วไปที่มีทั้งความทุกข์ ความเศร้า และความกดดัน
มาฟังเธอเล่าถึงวิธีเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุขกันว่าทำอย่างไร
คุณแต้วเติบโตมาในครอบครัวแบบไหนคะ
โตมาในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นทหาร คุณแม่เป็นสถาปนิก บ้านเราฐานะปานกลางแต่อบอุ่น แต้วมีพี่สาวหนึ่งคน และน้องสาวหนึ่งคน ตอนเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้พวกเราได้เล่นเต็มที่ ไม่ได้เลี้ยงแบบประคบประหงมสักเท่าไหร่ จำได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ชอบพาไปหาคุณย่า ที่บ้านคุณย่ามีญาติๆ ลูกพี่ลูกน้องหลายคน เราเล่นกันสนุกมาก เป็นความประทับใจสมัยเด็กๆ
ตอนเด็กๆ ดื้อไหมคะ
คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่า แต้วไม่ดื้อนะคะ เป็นเด็กที่มีเหตุผลมาก (หัวเราะ) ตอนห้าขวบ แต้วบอกคุณแม่ว่า แต้วมีของเล่นที่อยากได้ตั้ง 100 อย่าง แต่แต้วขอคุณแม่แค่ 10 อย่างเท่านั้นเอง แล้วแต้วก็อธิบายคุณแม่ฟังใหญ่เลยว่า ของเล่น 10 อย่างนี้เอาไปใช้ทำอะไรบ้าง คุณแม่ฟังแล้วก็บอกว่า บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร คุณแม่ซื้อให้ได้แค่ชิ้นเดียว ตอนนั้นคุณแม่อธิบายอยู่นานกว่าแต้วจะเข้าใจ แต่พอเข้าใจแล้วแต้วก็ยอมซื้อของเล่นแค่ชิ้นเดียวจริงๆ ไม่ร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆ คนอื่นเลย ของเล่นชิ้นนั้นคือ ดินสอสีถ้าถามแต้วตอนนี้ แต้วจำอะไรไม่ได้เลยนะ
ในครอบครัว คุณแต้วสนิทกับใครเป็นพิเศษบ้างไหมคะ
ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษค่ะ แบ่งๆ กันไป กับคุณแม่มักคุยกันเรื่องผู้หญิงๆ ส่วนคุณพ่อ ท่านชอบสอนเรื่องการใช้ชีวิต คุณพ่อมีเทคนิคการสอนลูกที่ไม่เหมือนใคร จะไม่สอนตรงๆ แต่ใช้วิธีเล่าประสบการณ์ของท่านให้ฟัง ทำให้เรารู้สึกสนุก ผ่อนคลาย สบายใจ แล้วท่านก็จะแทรกคำสอน หรือแง่คิดลงไปในนั้นด้วย
คำสอนใดของคุณพ่อคุณแม่ ที่คุณแต้วยังคงประทับใจ
คุณแม่มักสอนเรื่องการเข้าสังคม การวางตัว เรื่องมารยาท การเคารพผู้ใหญ่ ให้มีสัมมาคารวะ และให้คำแนะนำแทบทุกเรื่องในการดำรงชีวิตจนทุกวันนี้
ส่วนคุณพ่อ ท่านเน้นสอนเรื่องการบริหารเวลา และการตรงต่อเวลา ท่านบอกว่าถ้าตื่นเช้า จะมีเวลามากกว่าคนอื่น ตั้งแต่เด็กท่านมีกลเม็ดในการสอนให้ลูกๆ รีบตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่เช้า ถ้าลูกคนไหนตื่นก่อนจะได้สติ๊กเกอร์ดาว ถ้าใครนำออกกำลังกายก็จะได้สติ๊กเกอร์ดาวอีก สะสมไว้ไปแลกของจากคุณพ่อ จำได้ว่าตอนนั้นเราสามพี่น้องสนุกกันมาก และติดนิสัย เป็นคนตื่นเช้าจนโตเลย
ส่วนเรื่องสำคัญที่คุณพ่อมักสอนลูกๆ เสมอคือ เรื่องธรรมะ การเดินทางสายกลาง ไม่เครียดจนสุดโต่ง และไม่หย่อนจนเกินไป เวลาทำงาน บางครั้งแต้วมีปัญหาเครียดๆ แบกกลับมาบ้าน คุณพ่อมักสอนให้แต้วปรับมุมมองใหม่ว่า ทุกข์รอบตัวเหล่านั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ได้กระทบลมหายใจของเราสักหน่อย แต่ศัตรูตัวฉกาจกลับเป็น สุขภาพจิต และสุขภาพกายของเรามากกว่าที่จะทำร้ายลมหายใจของเราได้รุนแรงที่สุด ไม่ใช่คนอื่น
คุณแต้วสนิทกับคุณพ่อคุณแม่มากขนาดนี้ เคยทำให้ท่านเสียใจบ้างไหมคะ
มีบ้างค่ะ แต่ไม่ถึงกับรุนแรงมาก ปกติแต้วเป็นคนคิดเยอะ และชอบคิดวิตกกังวลอยู่ในใจคนเดียว จนทำให้มีปฏิสัมพันธ์ หรือพูดกับคนในบ้านน้อยลง ตอนแรกแต้วไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร เพราะเราไม่ได้วีนเหวี่ยง หรือไปทำร้ายความรู้สึกใคร แต่ด้วยความที่เรานิ่งเกินไป พอสะสมนานวันเข้าคุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวก็ยิ่งทวีความรู้สึกไม่สบายใจไปกันใหญ่
วันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่เรียกแต้วมานั่งจับเข่าคุยกันว่า แต้วเป็นอะไรทำไมถึงได้เฉยชาขนาดนี้ แต้วก็อธิบายว่ากำลังเครียดเรื่องงาน อยากอยู่นิ่งๆ กับตัวเอง จึงทำให้ดูเหมือนไม่แคร์คนอื่น พอคุณพ่อคุณแม่ฟัง ท่านก็เข้าใจ แต่ท่านก็อยากให้แต้วปรับตัว พร้อมขอให้ทุกคนในครอบครัวเข้าใจ และปรับตัวเข้าหาแต้วด้วยเรียกได้ว่าพบกันครึ่งทาง ก็พยายามปรับปรุงตัวเองจนทุกวันนี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
มีวิธีดูแลคุณพ่อ คุณแม่อย่างไรคะ
แต้วโชคดีที่อยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่จึงมีโอกาสได้ดูแลท่านทุกวัน แต่ถ้าวาระพิเศษ แต้วชอบพาคุณพ่อคุณแม่ไปกินข้าว ไปเที่ยวพักผ่อนกันทั้งครอบครัวบ้าง คุณแม่กับแต้วชอบอะไรคล้ายๆ กัน เลยดูแลท่านได้ง่ายหน่อย กิจกรรมที่เราชอบทำด้วยกันมากๆ คือไปสปา
ส่วนคุณพ่อช่วงแรกแต้วเก็บเงินซื้อเครื่องประดับ ซื้อเสื้อผ้าดีๆ ที่หลายคนแนะนำ เพราะคิดว่าท่านน่าจะชอบ พอซื้อให้ ปรากฏว่าท่านกลับเฉยๆ มาก แล้วยังบอกว่า นาฬิกาไม่ต้องซื้อแพงหรอก ถ้าเราเป็นคนไม่ตรงเวลา ใส่แพงแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนเสื้อผ้าก็ไม่ต้องซื้อของแพง เพราะเราไม่ได้ใส่ไปอวดใคร แค่เรามีจิตใจที่ดีก็เพียงพอแล้ว คุณพ่อชอบสอนธรรมะสอดแทรกในทุกเรื่องค่ะ (ยิ้ม) แต้วจึงคิดหาทางใหม่ว่าจะดูแลคุณพ่อยังไงดี ช่วงนี้แต้วเปลี่ยนมาดูแลสุขภาพของท่านแทน หาอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาบำรุงท่าน ดูเหมือนคุณพ่อจะชอบมากกว่าคิดว่าน่าจะมาถูกทางแล้วค่ะ (หัวเราะ)
ก่อนหน้านี้คุณแต้วเรียนหนักมาก และต้องทำงานด้วย แต่ก็ยังเรียนจบได้ปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเทคนิคในการเรียนอย่างไรคะ
แต้วโชคดีค่ะ ที่ผู้ใหญ่ในวงการใจดี และเข้าใจเรื่องการเรียน ท่านอนุญาตให้มาทำงานเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ เพราะสาขาที่แต้วเรียนค่อนข้างเข้มงวด การบ้านเยอะมาก ขาดเรียนไม่ได้เลย แต้วจึงได้เรียนอย่างเต็มที่เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เสาร์อาทิตย์ถึงไปถ่ายละคร แต่ก็มีบ้างที่ขี้เกียจ ไม่อยากไปทำงาน แต่พอออกไปทำงาน ได้เจอกับพี่ๆ ทีมงานที่ล้วนน่ารัก และขยันขันแข็งก็พลอยทำให้ความขี้เกียจของแต้วหายไปทุกทีเลย กลายเป็นความสนุกสนานแทน
ส่วนเคล็ดลับในการเรียนของแต้วไม่มีอะไรมากมาย ช่วงเรียนปี 1 แต้วยังปรับตัวไม่ได้ เกรดออกมาไม่ดีเท่าไหร่ จึงหันมาขยันเรียนมากขึ้นกว่าเดิม พอขึ้นปี 2 คะแนนก็เลยดีขึ้นมา เกียรตินิยมอันดับ 2 แต้วได้คะแนนพอดีเป๊ะเลยนะ คนที่ดีใจที่สุดไม่ใช่แต้ว แต่เป็นคุณพ่อ ท่านภูมิใจมาก โม้ไปสามบ้านแปดบ้าน (หัวเราะ)
แต้วอยากเป็นกำลังใจให้น้องๆ หลายคนที่กำลังเรียนหรือกำลังท้อแท้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเรียนหนักๆ อย่างเดียว แต่ควรแบ่งเวลาเล่น เวลาพักผ่อนด้วย ต้องรู้จักบริหารเวลา เวลาท้อแท้ แต้วมักนึกถึงรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ เขายังทำได้เลย ฉะนั้นเราก็ต้องพยายามทำอย่างนั้นบ้าง แต้วเชื่อว่าเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
เคยมีความทุกข์ครั้งหนักหนาในชีวิตบ้างไหมคะ แล้วผ่านมาได้อย่างไร
มีค่ะ ช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการ มีข่าวออกมาว่า แต้วเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ รู้สึกไม่สบายใจ แต่คุณแม่สอนว่า บางเรื่องเขาอาจพูดเพราะสนุกปาก เราไม่ควรเก็บมาคิดมาก เพราะเป็นการทำร้ายตัวเอง หลังจากฟังคำสอนของคุณแม่ก็คิดได้ว่า จริงอย่างที่คุณแม่พูด เราย่อมรู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาว่า จากนั้นแต้วก็พยายามปล่อยวาง ใช้เวลารักษาใจตัวเองนานอยู่เหมือนกัน แต่พอปล่อยวางได้ก็สบายใจแล้ว ไม่กลับไปคิดมากอีกเลย
สิ่งที่มีค่าสำหรับอาชีพนักแสดงคืออะไรคะ
คือ ความภาคภูมิใจค่ะ แต้วว่าความภาคภูมิใจเป็นอะไรที่เจ๋งมาก เพราะเราไม่สามารถไปซื้อหาได้จากที่ไหน ความภาคภูมิใจเกิดขึ้นจากความมุมานะ ความพยายาม และความตั้งใจในการทำงานของเราอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพนักแสดง ใช้ได้กับทุกอาชีพเลย เพราะถ้าเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาดีเอง เราก็จะรู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่เราตั้งใจทำลงไปด้วย แต่คุณพ่อมักสอนว่า ภาคภูมิใจได้ แต่อย่าไปยึดติดกับมัน เพราะจะทำให้หลงระเริง และหยุดพัฒนาตัวเอง
มีมุมมองความรักอย่างไรคะ
ตอนเด็กๆ แต้วชอบสไตล์แบดบอยนะคะ (หัวเราะ) แต่ทุกวันนี้ความคิดเปลี่ยนไป มองว่า เขาควรเป็นคนที่คุยรู้เรื่อง คุยภาษาเดียวกัน ไม่ใช่เราไปขวา แต่เขาจะไปซ้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะขัดแย้งกันไม่ได้เลย และเรื่องสำคัญมากคือ เขาต้องเป็นคนจิตใจดี ขี้เล่นหน่อยๆ ถ้าเหมือนคุณพ่อได้ยิ่งดีเลยค่ะ แต่คงหายากมาก (หัวเราะ)
การทำบุญในแบบคุณแต้วเป็นอย่างไร
ตอบตามตรงเลยว่า แต้วเป็นคนเข้าวัดน้อยมาก ทำบุญตามโอกาสมากกว่า เน้นทำทานเป็นหลัก ถ้ามีคนมาบอกบุญ ส่วนใหญ่แต้วจะทำเลย ถ้าไม่ติดธุระอะไรจริงๆ ไม่เคยขัด และอีกสิ่งที่มองว่า เป็นการทำบุญที่ทำได้บ่อยที่สุดคือ การพยายามทำความดี และรักษาศีลให้เป็นกิจวัตร อาจไม่ถึงกับออกไปปฏิบัติธรรมที่วัดบ่อยๆ แต่คุณพ่อสอนเสมอว่า การที่เรามีธรรมะในจิตใจ ไม่คิดร้ายต่อใคร ไม่เบียดเบียนใคร คือการทำบุญใหญ่แล้ว
แต้วนั่งสมาธิบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงที่เครียด คิดอะไรไม่ออก สำหรับแต้วบุญเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้ที่ความสงบภายในจิตใจ ความเบาสบาย และความบริสุทธิ์ที่อยู่ในจิตใจมากกว่า แต้วโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่พาไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็กๆ จึงรู้จักกับธรรมะเร็ว แต่ไม่ถึงขั้นนั่งสมาธิทุกวัน แค่ทุกครั้งที่รู้สึกว่าจิตใจตัวเองสับสน ว้าวุ่นใจ ก็จะนั่งสมาธิ แล้วจิตใจจะนิ่งขึ้น มีสติขึ้นมาทันทีและที่สำคัญความทุกข์ต่างๆ ที่หนักหนาก็จะค่อยๆ คลี่คลาย เบาสบายขึ้นด้วย
หากใช้ชีวิตอย่างมีสติ ปัญญาและความดีงามแล้ว ไม่ว่าพบทุกข์หนักหนาเพียงใด ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยหัวใจที่เป็นสุข
Secret Box
การทำบุญที่ส่งผลบุญมากที่สุด คือ ทำบุญกับพ่อแม่ ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้าน
แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์
เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว ภาพปก / ภาพ วรวุฒิ วิชาธร และ Ch 3
ผู้ช่วยช่างภาพ กำพล ยอดเมือง สไตลิสต์ ณัฏฐิตา เกษตระชนม์
แต่งหน้า สุริยา ทองอ่อน ทำผม ทิวากร โสภาอัศวภรณ์
บทความน่าสนใจ
แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ไม่ว่าอะไรจะเกิด ชีวิตต้อง “Keep walking” เสมอ
ความรักต่อสิ่งที่ทำในปัจจุบัน ของ “แต้ว ณฐพร”