กฎแห่งกรรมมีจริง : อุทาหรณ์จากหนอนสีเขียว
คุณเชื่อหรือไม่ว่า กฎแห่งกรรมมีจริง ? ในบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างเรื่องนี้ ลองอ่านเรื่องนี้ อาจจะทำให้มุมมองความเชื่อของคุณเปลี่ยนไป
เมื่อตอนดิฉันยังเด็ก ที่บ้านปลูกต้นส้มป่อยไว้หลายต้น คุณแม่มักตัดแต่งกิ่งและเก็บผลไม้มากินเป็นประจำ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นวันหยุด ดิฉันกับน้องพากันเล่นซนอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วดิฉันก็เห็นหนอนตัวเขียวๆ ตัวหนึ่งกำลังไต่ที่ต้นส้ม ด้วยความเป็นเด็กบวกกับอยากรู้อยากเห็น ดิฉันจึงเอาปากคีบบีบหนอนตัวนั้นจนมันถ่ายมูลออกมาเป็นก้อนเล็กๆจำนวนมาก เมื่อดิฉันทำจนคลายความอยากรู้อยากเห็น จึงนำหนอนนั้นไปทิ้ง พร้อมมูลก้อนเล็กๆนั่น
ชีวิตดิฉันดำเนินเป็นปกติมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งจำไม่ได้ว่าเมื่อใด จู่ๆ ดิฉันเริ่มมีอาการถ่ายไม่ถนัด และเป็นริดสีดวงทวาร เวลาถ่ายหนักแต่ละครั้งช่างยากเย็นและแสนทรมาน จำได้ว่าดิฉันเคยเกือบเป็นลมในห้องน้ำ เหงื่อไหล หน้ามืด เพราะพยายามที่จะถ่ายและทุกครั้งที่ถ่ายออกมา อุจจาระก็จะเป็นเม็ดเล็กๆเหมือนกับมูลของหนอนตัวนั้นไม่มีผิด
เดชะบุญที่ดิฉันมีพื้นฐานปฏิบัติธรรมจึงพอทราบเหตุของผลกรรมนี้ ดิฉันจึงตั้งจิตขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรและหนอนตัวนั้นเพราะกรรมที่ทำไปด้วยความไม่รู้ และโง่เขลาเบาปัญญา ดิฉันได้แต่เฝ้าภาวนาในใจเช่นนั้นหลายครั้ง ไม่นานนักอาการก็ดีขึ้น
ดิฉันจึงอยากบอกแก่ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ โปรดเชื่อเถิดว่า กรรมนั้นมีจริง สิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะตั้งใจ ไม่ตั้งใจ จำได้หรือจำไม่ได้ รู้หรือไม่รู้ เราต้องเป็นผู้รับผลของกรรมทั้งสิ้น ดิฉันจึงเขียนเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ขอให้ทุกท่าน อย่าได้คิดเบียดเบียนทำร้าย หรือทำลายสิ่งที่มีชีวิตใดๆ เลย เพื่อจะได้ไม่ต้องรับความทุกข์ทรมานจากผลกรรมในภายหลัง ดังที่ดิฉันเคยได้รับ
บุญใดที่เกิดจากการที่ดิฉันได้เผยแพร่บทความนี้ ดิฉันขออุทิศส่วนกุศลทั้งหลายให้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรรวมถึงหนอนตัวนั้นด้วยเถิด
เรื่อง : ณภัทร
ที่มา : คอลัมน์ Stories from our readers นิตยสาร Secret ฉบับ 206
กฎแห่งกรรม เรื่องเล่าจากหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
สมัยก่อนใครเดินผ่านวัด พอใกล้จะพ้นเขตบริเวณวัดจะต้องสลัดเท้าเอาฝุ่นเอาทรายออก ไม่ให้ติดเข้าไปในบ้าน เพราะกลัวบาป
เรากลัวบาปกันถึงได้ถึงขนาดนั้น
สมัยนี้ความกลัวบาปมีน้อยลง อย่างกรณีฆ่าสามเณร ในวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ที่สืบสาวเรื่องราวไปมากลับเชื่อมโยงไปถึงการแย่งชิงผลประโยชน์ภายในวัด มีข่าวการเอาของสงฆ์ ยักยอกเงินวัดเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
ตามปกติเราจะถือกันมาก เรื่องของวัดของสงฆ์ ใครจะมาเกี่ยวข้องกับของสงฆ์ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเกรงกลัวว่าจะถึงความย่อยยับได้ แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ดังเรื่องเล่าเรื่องเปรตลุงมา ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เล่าว่า
“ในสมัยที่อาตมาเป็นพระภิกษุได้ 2 -3 พรรษา อยู่ ณ วัดป่าเหียง เวลานั้นได้มีคนแก่คนหนึ่งชื่อว่าลุงมา ได้มาอาศัยอยู่กับวัดเป็นเวลาหลายปี นับว่าเป็นคนแก่ที่ดีคนหนึ่ง โดยที่แกเป็นคนไม่ถือตัว เป็นคนที่เชื่อฟังถ้อยคำของครูบาอาจารย์ ขยันหมั่นปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณวัดอยู่เสมอ
อยู่ต่อมาวันหนึ่งลุงแกได้ไปกวาดที่เชิงธรณีพระธาตุ ได้ทำหม้อประทีปแตกไปใบหนึ่ง แล้วลุงแกไม่ได้หามาใช้แทนให้ โดยที่เข้าใจว่าเป็นของเล็กๆ น้อยๆ คงไม่เป็นอะไร
ครั้งอยู่ต่อมาไม่นานนัก ลุงแกก็ล้มป่วยและเสียชีวิตไป เมื่อลุงแกตายก็เป็นหน้าที่ของท่านครูบาเฒ่า เป็นประธานจัดการฌาปนกิจศพให้
หลังจากฌาปนกิจให้เรียบร้อยแล้ว ตกถึงตอนกลางคืนของวันนั้น เป็นเวลาดึกแล้วประมาณ 5 ทุ่มเศษ ท่านครูบาก็ได้เข้าห้องจำวัดเรียบร้อย พวกเด็กวัดและสามเณรก็พากันหลับไปหมดแล้ว จะเหลืออยู่เพียง 2 – 3 องค์ คือท่านครูบามหาวัน ท่านครูอินทจักรและอาตมา ซึ่งพากันดูหนังสืออยู่ในห้องนอน
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงของท่านครูบาเฒ่าร้องตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ปู่มาๆ” 2 – 3 ครั้ง พร้อมกับได้ยินเสียงกระจกแตก
พวกอาตมาทั้งสามก็รีบลุกขึ้นจุดเทียน แล้วก็พากันไปยังห้องท่านครูบาเฒ่าทันที พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นท่านครูบานอนหงายในมือถือไม้แส้หวาย แกว่งไปแกว่งมา สังเกตดูตู้หนังสือที่อยู่ข้างๆ ท่านก็เห็นกระจกตู้แตกไป 2 – 3 แผ่น
ท่านครูบามหาวันเข้าไปใกล้ แล้วก็ปลุกท่าน ท่านก็สะดุ้งตื่น แล้วก็พูดพึมพำออกมาว่า
“เออผีตาปู่มา เราเอาไปเผาแล้ว มันกลับฟื้นคืนมา มีร่างใหญ่โต มีเนื้อตัวถูกไฟไหม้เกรียมเป็นแห่งๆ เข้ามาหา ถามก็ไม่พูดไม่จา มีแต่ครางเสียงเบาๆ
เห็นแกชี้มือไปทางด้านเสื่อและหมอนที่วางกองไว้ทางปลายเท้าจับได้ไม้แส้หวาย เลยหวดไป เรื่องของลุงมาก็มีอยู่ว่า เมื่อแกยังมีชีวิตอยู่ได้ทำดวงหม้อประทีปให้แตกไปใบหนึ่ง แกก็ได้มาบอกพร้อมกันนั้นก็ได้อนุญาตไม่ให้เป็นบาปกรรมต่อไปแล้วเพราะเหตุใดจึงได้เป็นเปรตอีกล่ะ หรือว่าบางทีแกอาจจะทำเสื่อ ผ้าปูที่นอน และหมอนให้ชำรุดเสียหาก็อาจจะเป็นได้”
เป็นอันว่า ในคืนนั้นทั้งคืน อาตมาทั้งสามได้นอนเฝ้าครูบาเฒ่าตลอดทั้งคืน ด้วยเกรงว่าครูบาเฒ่าท่านจะไม่สบายใจ หรือจะนอนไม่หลับ
พอสว่างแล้ว ท่านครูบาเฒ่าก็ได้ให้สามเณรไปบอกลูกหลานของลุงมาให้ทราบเรื่อง และให้จัดหาดวงหม้อประทีบ เสื่อ หมอน และผ้าปูนอน เพื่อถวายใช้แทนของวัด เรื่องก็เงียบหายไป
อะไรที่เรามักคิดกันว่าเล็กน้อยน่ะ อย่าประมาทเชียวนะ มันให้ผลได้เหมือนกัน”
ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า
อย่าดูหมิ่นความชั่วว่าเล็กน้อย คงจักไม่ยังผลมาสู่ตน
ข้อมูลอ้างอิง
ผลแห่งวิบากกรรม สถาบันบันลือธรรม
ภาพ : www.pexels.com
บทความน่าสนใจ
ไขข้อข้องใจเรื่องของ การทำร้ายสัตว์ พร้อมผลกรรมจากการผิดศีลข้อ1