ดีเจ เจ๊แหม่ม “ชีวิตนี้ อย่าได้แคร์!” (1)

ดีเจ เจ๊แหม่ม “ชีวิตนี้ อย่าได้แคร์!” (1)

เช้านี้คุณตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ความรู้สึกแบบไหนครับ…สำหรับผม – ดีเจ เจ๊แหม่ม (วินัย สุขแสวง) ในแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมามีแต่ความสดชื่นและอยากลุกจากเตียงไปทำงานทุกวัน ผมรักงานที่ทำและมีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนคุณๆ ในยามรถติด ฝนตก เจ้านายด่า ลูกน้องไม่ได้ดั่งใจ แฟนทิ้ง สามีไม่เอาไหน ฯลฯ แหม…ถ้าใช้คำของดีเจเจ๊แหม่มก็ต้องบอกว่า มีความสุขทุกวันที่ได้มาเมาท์มอยกับทุกคนแหละจ้า ส่วนใครจะทุกข์จะเศร้าแค่ไหน “อย่าได้แคร์” ปล่อยๆ มันไปซะบ้าง

ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 6.00 – 10.00 น. และวันเสาร์ 15.00 -17.00 น. ที่กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม คุณๆ จะได้ยินเสียงหัวเราะกระชากใจของดีเจเจ๊แหม่มคอยให้ความบันเทิงเริงรมย์ ส่วนทุกวันพุธเวลา 19.00 – 20.00 น. ชาว Truelife ก็จะได้รับชมดีเจเจ๊แหม่มวิจารณ์หนังไทย หนังเทศ ดารงดารา ว่ากันไป

 

มีบางคนอาจแปลกใจว่า “อ้าว…ดีเจหน่อง – วินัย สุขแสวงหายไปไหน ทำไมถึงกลายเป็นดีเจเจ๊แหม่มไปได้” ถ้าใครมาถามก็จะบอกแบบขำๆไปว่า “อ้อ…คนชื่อนี้ตายไปแล้ว” หรือไม่ก็บอกว่า“ยักยอกทรัพย์ของบริษัทแล้วโดนไล่ออกไปแล้ว” เพราะตั้งแต่มีชื่อที่ทุกคนเรียกกันจนคุ้นหูว่า “ดีเจเจ๊แหม่ม” ผมก็ไม่เคยใช้ชื่อเดิมอีกเลยและอยากให้ทุกคนจดจำเราในแบบดีเจเจ๊แหม่มตลอดไป

สำหรับชื่อนี้มีที่มาสนุกๆ ครับ เพราะมีอยู่วันหนึ่งผมกับเพื่อนคือ คุณสุทธินาถ ทองชื่น จัดรายการวิทยุด้วยกัน ช่วงนั้นกระทรวงวัฒนธรรมออกมาติงว่า  ทำไมเด็กยุคใหม่ถึงตั้งชื่อกันเป็นภาษาอังกฤษผมก็พูดว่า  “โอ๊ย…ว่าใครก็ว่าไปเถอะ ไม่สะทกสะท้าน เพราะฉันชิงเปลี่ยนเป็นชื่อไทยมานานแล้ว”  คุณสุทธินาถเลยถามว่า  เมื่อก่อนชื่ออะไรผมเลยตอบว่า “ชื่อแหม่ม” ด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังจนคุณสุทธินาถอึ้งไปเลยทีเดียว หลังจากนั้นเธอก็หัวเราะและถามว่า ขอเรียกชื่อนี้ได้ไหม “ดีเจแหม่ม” ผมบอกว่าได้ แต่นอกจากคุณสิทธินาถแล้ว  ผู้ฟังทางบ้านก็ยังเรียกอยู่เรื่อยๆ จนตอนหลังเมื่อผมเริ่มแสดงความ “ซน”มากขึ้น คุณสุทธินาถเลยเติมคำว่า “เจ๊” ให้ จนกลายมาเป็นดีเจเจ๊แหม่มจวบจนทุกวันนี้ (ความจริงแล้วชื่อแหม่มก็เป็นเพียงชื่อที่ผมพูดขึ้นมาเพื่อให้เป็นมุกตลกเท่านั้น ไม่เคยใช้ชื่อนี้มาก่อนแต่อย่างใด แค่อยากให้คนฟังขำว่าผู้ชายอะไรชื่อแหม่มเท่านั้นเองละจ้า)

บางคนบอกว่าชอบเสียงหัวเราะของผม เพราะทำให้หายงัวเงียในตอนเช้า บางคนบอกว่าจัดรายการได้มันดี ชอบที่พูดสนุกและเป็นธรรมชาติ บางคนชอบที่ผมมั่นใจในตัวเอง มองโลกในแง่ดี และให้ความจริงใจกับผู้ฟัง

หน้าไมค์ ผู้ฟังส่วนใหญ่ได้ฟังผมหัวเราะร่าสนุกสนาน แต่ยามอยู่หลังไมค์ บางเรื่องราวในชีวิตจริงก็อาจไม่ใช่เรื่องสนุกสนาน และเรื่องที่ว่านี้บางเรื่องผมก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน

เรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้

ปกติแล้วผมชอบคุยเรื่องที่ทำให้คนอื่นสบายใจ และไม่อยากนำเรื่องที่ไม่สบายใจของตัวเองไปบอกเล่าคนอื่นมากนัก เพราะผมอยากเห็นคนรอบข้างมีความสุข แต่สำหรับเรื่องราวในชีวิตจริงของผม บางช่วงบางตอนก็ไม่ได้เป็นภาพที่งดงาม

ในวัยเด็กผมเติบโตมาในครอบครัวที่แตกแยกก็ว่าได้ เรามีกันหกคนพี่น้อง ผมเป็นลูกคนที่สาม แม้ฐานะทางบ้านจะถือได้ว่าพอกินพอใช้ไม่ลำบากอะไร แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ พ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก สาเหตุมาจากพ่อดื่มเหล้าจนเมามายแล้วมักอาละวาดเอากับแม่ทุบตี ด่าทอไม่เว้นแต่ละวัน

ภาพที่ชินตาผมคือ พ่อจะนั่งดื่มเหล้าคนเดียวที่บ้าน หลังจากเมาได้ที่ ราวสองทุ่มก็จะเริ่มแผลงฤทธิ์ เริ่มด่าว่าลงไม้ลงมือกับแม่ ส่วนลูกๆ หกคนก็จะหนีกระเจิงไปอยู่ในมุมส่วนตัวของตัวเอง ตอนเด็กๆผมจึงเกลียดพ่อและรู้สึกสงสารแม่มาก เพราะไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนอดทนได้เท่านี้

ชีวิตของผมดำเนินมาในแบบที่มีพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ บางครั้งแม่ขอหย่า พ่อก็ตามไปง้อ หรือพอแม่ย้ายไปอยู่บ้านคุณตาคุณยายพ่อก็ตามไปอยู่ด้วยและเรื่องราวก็เป็นไปเหมือนเดิม จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นตราบาปติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้

วันนั้นพ่อกับแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง พ่อขนเสื้อผ้าของแม่ออกมาเผา แม้ที่ผ่านมาผมไม่เคยเข้าไปห้ามพ่อ มีแต่พยายามหลบหน้าเวลาเห็นท่านเมามาย แต่คราวนี้ผมเข้าไปถามว่า “ทำไมพ่อทำอย่างนี้”พ่อมองหน้าแล้วบอกว่า “อย่ามายุ่ง ไม่ใช่เรื่อง” ด้วยความคับแค้นใจตอนนั้นผมตอบกลับไปว่า “พ่อไม่อายเขาบ้างหรือไง ทะเลาะกันเสียงดังข้างบ้านก็ได้ยิน”

หลังพูดประโยคนี้ออกไป พ่อซัดหมัดเข้าหน้าผมแบบเต็มๆด้วยความเป็นเด็ก ผมจึงต้องพยายามป้องกันตัวเอง เมื่อพ่อชกมาผมก็พยายามใช้มือปัดป้อง แม้ไม่ถึงกับชกพ่อของตัวเอง แต่ก็พยายามดันตัวท่านออกไป ทุกวันนี้เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมจะรู้สึกผิดทุกครั้งเหมือนเป็นบาปที่ติดอยู่ในใจ ล้างเท่าไรก็ไม่ออก รู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองไม่น่าเข้าไปพูดกับท่าน เพราะท่านกำลังเมา พูดอะไรออกไปก็ไม่มีประโยชน์ ควรจะรอจังหวะที่ท่านอารมณ์ปกติแล้วค่อยเข้าไปพูดน่าจะดีกว่า ที่สำคัญ หลังจากนั้นแค่ปีเดียวพ่อก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกวันนี้ผมจึงพยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อและขออโหสิกรรมจากท่าน

แม้ชีวิตครอบครัวของผมจะไม่มีความสุข แต่ผมเชื่อว่าตัวเองมีความใฝ่ดีอยู่ในตัว ไม่เคยเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย อีกอย่างตอนเด็กๆ ผมมีเพื่อนดีๆ เยอะมาก เมื่อมีเรื่องไม่สบายใจก็จะไปเล่าให้เพื่อนฟัง เล่าเสร็จเพื่อนก็จะบอกว่าบ้านฉันก็เป็น ทำให้เรารู้ว่าครอบครัวอื่นๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน ไม่ใช่เราคนเดียวเท่านั้นที่ต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้ หรือบางครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ผมก็จะหลบไปอยู่บ้านเพื่อนก่อน เย็นๆ ค่อยกลับบ้าน

ทุกวันนี้เพราะเห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตแบบพ่อมีผลเสียร้ายแรงอย่างไร ผมจึงไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน จนเพื่อนบางคนที่รู้จักกันใหม่ๆ อดสงสัยไม่ได้ว่า “หน้าตาอย่างมึงเนี่ยนะ ไม่กินเหล้า” ความจริงแล้ว อย่างมากที่สุดถ้าไปงานวันเกิดใคร หากไม่มีอะไรทำก็ดื่มบ้าง แต่ตอบได้เลยว่านี่ ไม่ใช่ “เวย์” ของเรา

ความฝันวัยเด็ก

ทราบไหมครับว่า ตอนเด็กๆ ผมฝันอยากเป็นอะไร เอ้า…ลองให้ทาย ข้อหนึ่ง นักร้อง ข้อสอง ดีเจ ข้อสาม นักแสดง ข้อสี่ ใครอยากคิดอะไรก็คิดกันไปได้เลย….แต่ใครตอบนักแสดงมารับรางวัลได้เลยจ้า

ตอนเด็กๆ บ้านของผมอยู่แถวมหานาค ใกล้ๆ บ้านมีโรงหนังรายล้อมเต็มไปหมด ทั้งปารีส โคลีเซียม เพชรราม่า ฮอลลีวู้ด ชีวิตวนเวียนอยู่กับการดูหนัง ว่างเมื่อไรก็เข้าโรงหนัง ตอนแรกคิดอย่างเดียวว่าจะเป็นดาราให้ได้ สมัยนั้นดาราดังก็ต้องเป็นพี่จิ๊ก – เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ พี่เปิ้ล – จารุณี สุขสวัสดิ์ และคนที่เป็นไอดอลของผมมากๆ ก็ต้องพี่ทูนหิรัญทรัพย์ ชอบมากถึงขนาดเก็บไปฝัน คิดดูสิ ดาราผู้หยงผู้หญิงไม่ฝันฝันถึงแต่ผู้ชาย ฮ่าๆ (โปรดใส่เอฟเฟ็คท์เสียงหัวเราะของดีเจเจ๊แหม่มได้ตามความทรงจำของคุณให้เต็มที่เลยค่า…)

แต่เชื่อไหมว่า ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนขี้อายมาก ไม่กล้าแม้กระทั่งไปอ่านรายงานหน้าชั้นเรียน ถ้าในกลุ่มมีกันสามคนก็จะพยายามผลักดันเพื่อนออกไป เพราะเป็นคนไม่กล้าสบตาคน คิดดูแล้วก็ตลกเนอะอยากเป็นดาราแต่ไม่กล้าแสดงออก ก็เป็นความคิดตามประสาเด็ก กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองอยากเป็นอะไรจริงๆ ก็ตอนเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4นั่นแหละ

ความฝันของผมคืออยากเป็นดีเจ แต่การเป็นดีเจสมัยก่อนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องใช้ความพยายามขนาดไหน เดี๋ยวฉบับหน้าจะเล่าให้ฟังค่า

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.