เรื่อง พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)
ในที่สุดชีวิตทั้งชีวิตก็เหลือเพียงรัก
รักเท่านั้นเกิดขึ้น รักเท่านั้นตั้งอยู่ รักไม่เคยสูญหายไปไหน อนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่มหัศจรรย์บนโลกใบนี้ล้วนแต่เกิดจากแรงบันดาลแห่งความรัก เพียงลำพังจิตธรรม มนุษย์อาจทำอะไรไม่ได้ แม้แต่จะรักษาชีวิตเอาไว้ แต่เมื่อมีรักเป็นพลัง ก็สามารถสรรค์สร้างสิ่งสำคัญไว้ให้โลกชื่นชมได้ เพราะเหตุใดหรือ ก็เพราะรักเป็นแหล่งกำเนิดของพลังงานทั้งปวง ฉะนั้นรักจึงเป็นอมตธรรมนิรันดร
จะเห็นได้ว่า มนุษย์และสัตว์ล้วนถวิลหารัก กระหายรัก อยากรัก และอยากเป็นที่รัก บางครั้งแม้ได้แอบรักใครบางคนก็ยังเป็นความอบอุ่นใจอยู่ไม่น้อย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวเลย ความรักจึงเป็นความสุข ความเอิบอิ่มพริ้มใจในอารมณ์ อารมณ์รักจึงเป็นอารมณ์ที่เพริดพริ้งดิ่งด่ำล้ำลึกเกินกว่าจะพรรณนาด้วยภาษามนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงมีจินตกวีของโลกพยายามขีดเขียนบรรยายรักด้วยภาษากวีอย่างไพเราะเพราะพริ้งทิ้งไว้ให้โลกชื่นชม
เมื่อความรักเป็นเช่นนี้ เหตุใดเล่าเหล่ามนุษย์จึงประทุษร้ายกันเพราะรัก เหตุใดเล่าความรักจึงมอมเมาคนให้มืดบอดได้
ข้าพเจ้าเคยเห็นคนฆ่ากันเพราะรัก เคยเห็นคนแย่งชิงคนรัก ขโมยของรักกัน โกหกกันเพราะรัก นี่แสดงว่ามิใช่รัก แต่ถูกแอบอ้างว่าเป็นรัก ความรักเป็นความดี แต่เมื่อถูกมนุษย์แอบอ้างเพื่อประโยชน์ตนเพราะเห็นแก่ตัว ความรักก็กลายเป็นความร้ายทันที
แม้รักชาติรักแผ่นดินก็เช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่แสดงออกว่ารักชาติ กู้แผ่นดิน แต่สุดท้ายก็จบลงไม่ต่างกัน คือรักชีวิตตัวเองมากกว่า อ้างประชาชนเพื่อผลประโยชน์ตัวทั้งนั้น
รักจะบริสุทธิ์หรือไม่ ดูได้จากความอ่อนโยนหรือความดื้อดึง ถ้ารอได้ เห็นใจกัน และให้อภัยได้ รักนั้นบริสุทธิ์ ส่วนรักใดที่มีแต่การต่อรองสร้างเงื่อนไข รักนั้นมิใช่รัก แต่จะพัฒนาจากรักเป็นร้ายโดยไม่ต้องสงสัย
ความรักเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ชอบให้ใครบิดพลิ้วเล่นกลเหมือนประชาชนผู้บริสุทธิ์