คูลิเนอร์ โรงเรียนศิลปะการอาหารที่ให้มากกว่าอาหารจานอร่อย ชูอีกหนึ่งหัวใจหลักสู่เส้นทางความสำเร็จในธุรกิจอาหาร กับหลักสูตรการบริหารจัดการ
โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ เผยปัจจัยความสำเร็จในธุรกิจอาหาร พร้อมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์อนาคตโรงเรียนศิลปะการอาหารในประเทศไทย กับความจำเป็นของการมีหลักสูตรการบริหารจัดการ ที่จะช่วยสร้างความสำเร็จให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายแอนโทนี ออสบอร์น ผู้อำนวยการใหญ่ คูลิเนอร์ โรงเรียนศิลปะการอาหารรูปแบบใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม เผยมุมมองและกระแสความสนใจในการทำอาหารของคนรุ่นใหม่ รวมถึงเส้นทางสู่การเป็นเชฟมืออาชีพที่กำลังได้รับกระแสความนิยม และเคล็ดลับสู่ความสำเร็จทางธุรกิจอาหารว่า ความนิยมในการเรียนทำอาหารในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีความใฝ่ฝันในการประกอบอาชีพที่หลากหลายขึ้น ขณะที่วัยทำงานก็เริ่มมองหาช่องทางเสริมสร้างรายได้ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านกำไรและความชอบ
หากแต่การที่จะประสบความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจการทำอาหารและร้านอาหารนั้น ไม่อาจอาศัยความรักในศิลปะการทำอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ควรจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการธุรกิจ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การจัดการต้นทุน การตลาด การบริหารคน หรือแม้แต่การมองแนวโน้มตลาด เป็นต้น
“โรงเรียนศิลปะการอาหารเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากหลายคนไม่ได้เลือกโรงเรียนศิลปะการอาหารเพียงเพราะมีความสนใจในการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังสนใจเรียนทำอาหารเพื่อนำไปประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย คำว่า อาหารอร่อย อย่างไรแล้วก็ขายได้ คงใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผนวกกับการแข่งขันที่นับวันยิ่งสูงขึ้น ล้วนแล้วแต่ส่งผลโดยตรงต่อความอยู่รอดของธุรกิจอาหาร ด้วยเหตุนี้ โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ จึงมองว่า โรงเรียนศิลปะการประกอบอาหาร กับการมีหลักสูตรการทำอาหารเป็นหัวใจหลักเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เรามองว่าการบริหารจัดการธุรกิจมีความสำคัญไปไม่น้อยกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็น แนวทางบริหาร วิธีการขยายธุรกิจ วิธีสร้างแบรนด์ การบริหารพนักงาน เป็นต้น” นายแอนโทนี กล่าว
คูลิเนอร์ เป็นหนึ่งในโรงเรียนศิลปะการอาหารชั้นนำของประเทศไทย ที่มีการนำหลักสูตรการบริหารจัดการธุรกิจเข้ามาใช้ในการเรียนการสอน หลักสูตรการทำอาหารที่คูลิเนอร์เป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ร่วมมือพัฒนามาจาก Lausanne Hospitality Consulting: LHC หน่วยงานด้านการศึกษาจาก (Ecole Hoteliere de Lausanne : EHL) หนึ่งในสถาบันสอนการโรงแรมที่ดีและมีชื่อเสียงที่สุดในโลกจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีวิสัยทัศน์ในการ “ให้” มากกว่า “ตำราอาหาร” ผู้ฝึกสอนที่คูลิเนอร์ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์เท่านั้น แต่ทุกคนที่ คูลิเนอร์ มีความต้องการที่จะผลักดันให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในเส้นทางความฝันหรือเส้นทางธุรกิจที่พวกเขาปรารถนา ประเทศไทยมีคนที่มีทักษะและความสามารถอยู่มากมาย และคูลิเนอร์เชื่อมั่นว่ากลุ่มคนเหล่านี้สามารถที่จะพัฒนาศักยภาพไปได้ไกลทัดเทียมระดับนานาชาติได้ในอนาคต
อาจารย์ ชัชชญา รักตะกนิษฐ ผู้อำนวยการด้านการศึกษา กล่าวเสริมว่า นักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์ตรงในการธุรกิจอาหารสามารถเริ่มก้าวแรกได้ที่คูลิเนอร์ สิ่งที่นักเรียนจะได้รับจากโรงเรียนคือความรู้พร้อมใช้ ทั้งความรู้ในตำราและการฝึกปฏิบัติ ประสบการณ์ที่นักเรียนจะได้รับตลอดหลักสูตรนี้ จะทำให้พวกเขาพร้อมสำหรับการเริ่มต้นอาชีพหรือสร้างธุรกิจหลังจากที่สำเร็จการศึกษา
“คูลิเนอร์มุ่งมั่นที่จะเป็นโรงเรียนศิลปะการอาหารต้นแบบในประเทศไทย เราลงทุนกับการสร้างโรงเรียน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับหลักสูตรเทียบเท่าระดับสากล เมื่อเปรียบเทียบกับประสบการณ์และสิ่งที่นักเรียนจะได้รับ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คูลิเนอร์เป็นโรงเรียนศิลปะการอาหารที่เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ ตลอดหลักสูตร เวลาส่วนใหญ่มากกว่า 70% ของนักเรียนที่นี่ คือ การลงมือทำ ไม่ใช่การเรียนแบบท่องจำ เรามีหลักสูตรเร่งรัด หรือคอร์สระยะสั้น สำหรับผู้ที่มีความต้องการค้นหาตัวเองหรือสิ่งที่ตัวเองชอบ หลายๆคนเรียนแล้วรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะสมัครเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรหรือหลักสูตรระยะยาว 2 ปี” อาจารย์ ชัชชญา เผย
“คูลิเนอร์ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักเรียน นอกจากอุปกรณ์การเรียนด้านฝึกปฏิบัติที่ครบครัน ทันสมัย และมีมาตรฐานแล้ว เรายังมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้ในห้องเรียน เพื่อความสะดวกต่อทั้งผู้สอนและผู้เรียนอีกด้วย นักเรียนทุกคนที่คูลิเนอร์จะได้รับแท็บเล็ตคนละ 1 เครื่อง ทุกอย่างที่นักเรียนเรียนในห้องเรียน จะถูกส่งตรงจากกระดานอัจฉริยะสู่แท็บเล็ต นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้นักเรียนเข้าถึงการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เพราะที่คูลิเนอร์ เราเชื่อว่า ทุกๆที่คือห้องเรียน” นายแอนโทนี กล่าวปิดท้าย
ที่คูลิเนอร์ การเรียนรู้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่านั้น ทุกพื้นที่ในโรงเรียนถูกจัดสรรอย่างเป็นสัดส่วน แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ห้องเรียนครัวภาคปฎิบัติจำนวน 6 ห้อง ซึ่งแบ่งเป็นห้องสำหรับเบเกอรี่และเพสทรี่ และห้องสำหรับอาหารคาว ห้องเรียนจำนวน 4 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสีสันของอาหาร นอกจากนี้ โรงเรียนยังมีพื้นที่ส่วนกลาง อย่างห้องอาหารการ์นิช (Granish) ห้องอาหารเฟลเวอร์ (Flavours) ร้านเบเกอรี่และเพสทรี่เกลซ (Glaze) ที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการ ในส่วนนี้นักเรียนจะได้ฝึกทักษะการปฏิบัติงานจริง ทั้งด้านการให้บริการและการบริหารจัดการร้าน”
โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา โดยมีหลักสูตรทั้งหมด 4 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรประกาศนียบัตร ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 โมดูลหลัก โดยโมดูลสุดท้ายจะเป็นการจัดการธุรกิจอาหาร หลักสูตรผู้ประกอบการและการบริหารจัดการ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการที่จะมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมในเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจอาหารโดยเฉพาะ เพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรเร่งรัด และหลักสูตรระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนทำอาหาร แต่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน หรือสอบถามข้อมูลที่ 02-090-2808 หรือ www.culineur.net