7 เทคนิคง่ายๆ ใช้ รักษาอาการจิตตก

7 เทคนิคง่ายๆ ใช้ รักษาอาการจิตตก

7 วิธีง่ายๆ ใช้ รักษาอาการจิตตก

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเผชิญกับความเครียด ความกดดันจากเรื่องบางเรื่อง จนทำให้มีสภาพจิตใจที่หดหู่ ห่อเหี่ยว หมดกำลังใจ หมดพลังและเรี่ยวแรงจะทำสิ่งต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า อาการจิตตก หากคุณพยายามดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกเหล่านี้แล้ว แต่ก็ยังไม่หาย เราขอแนะนำให้ลองทำตาม “ 7 วิธีง่ายๆ ใช้ รักษาอาการจิตตก ” ที่ ดร.ณัชร สยามวาลา และคุณเกตวดี Marumura แนะนำไว้ ในหนังสือ “รักที่สุด ณ จุดที่เป็น” …รับรองว่า ความสดใสจะกลับมาเป็นของคุณอีกครั้ง

7 วิธีง่ายๆ ใช้ รักษาอาการจิตตก

1.น้อมใจนำเรื่องนั้นๆ มาสอนตนเอง

เวลาจิตตกนั้นเป็นโอกาสทองที่ทำให้เราได้หยุดสำรวยว่า สิ่งใดคือสิ่งสำคัญของชีวิต เราสามารถเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมจากเรื่องนั้นๆ ได้มากมาย

นอกจากจะได้เรียนรู้สิ่งสำคัญแล้ว การคิดด้วยตรรกะเหตุผลนั้น สมองส่วนหน้าจะทำงาน จึงกล่าวได้ว่า การคิดด้วยตรรกะเหตุผลเป็นการดึงพลังงานมาจากระบบลิมบิกของสมองที่กำลังตื่นตกใจเวลาที่เราจิตตกอีกด้วย

2.เจริญสติ

ถ้าเราหมั่นเจริญสติอยู่กับกายใจของเราใน “ปัจจุบันขณะ” อยู่แล้วเป็นประจำ อุบายยกจิตที่ได้ผลทันทีวิธีนี้จะผุดขึ้นมา และช่วยเราอย่างเกือบจะเป็นอัตโนมัติ ถ้าสังเกตดูดีๆ เราจะพบว่า อาการจิตตกมักเกิดขึ้นเมื่อใจเราหลุดไปอยู่ใน “อดีต” หรือ “อนาคต” ของเรื่องราวต่างๆ เท่านั้น

3.มองหาสิ่งที่น่าขอบคุณรอบตัว

สิ่งที่น่าขอบคุณนั้นมีมากกว่าที่เราคิด เพียงการที่เรายังมีชีวิตอยู่ มีอวัยวะครบ 32 มีสติสมประกอบ ฯลฯ ก็เป็นสิ่งที่น่าขอบคุณมากแล้ว

ถ้าคิดดีๆ จะพบว่า การจะก้าวสู่ความพ้นทุกข์ทั้งปวงก็อาศัยแค่กายกับใจเท่านั้น หมายถึง เราใช้เพียงแค่กายและใจในการฝึกการเจริญสติวิปัสสนา ดังนั้น ถ้าวันนี้เรายังมีกายและใจที่พอจะยังใช้การได้อยู่ ก็นับว่าโอเคมากๆ แล้ว

4.นึกถึงกุศลที่เคยทำ

ให้นึกถึงบรรดาทาน ศีล ภาวนา ที่ตนเองเคยทำไล่ไปทีละอย่างๆ ทราบไหมว่า เราจะนึกถึงกุศลได้ง่ายขึ้น ถ้าเราเป็นคนคิดริเริ่มทำกุศลนั้นเอง โดยไม่ต้องมีคนชวน

ดังนั้น หมั่นริเริ่มทำกุศลเองให้มากเข้าไว้ สักวันหนึ่งเราจะได้พึ่งกุศลที่ทำไว้แน่นอน อย่างน้อยก็ตอนกำลังจะตาย

5.แผ่เมตตาให้ตนเอง

ถ้าเรื่องที่ทำให้จิตตกนั้นน่าอกสั่นขวัญแขวน ลองหลับตา หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ช้าๆ พร้อมทั้งส่งความเมตตาปรารถนาดีให้ตนเองสั้นๆ ว่า “ขอให้เราเป็นสุขๆ เถิด อย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย” ทำติดต่อกันเพียง 5-10 ลมหายใจ (เข้า-ออกนับ 1) ก็ได้ผลดีแล้ว

6.มองหาส่งที่น่าอนุโมทนา

ลองมองไปรอบตัวเพื่อหาความดีของคนรอบข้างดู แล้วนึกอนุโมทนาไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็สามารถนึกอนุโมทนาได้ทั้งนั้น เช่น “คุณ ก นี้พูดจาอ่อนโยนมีเมตตากับแม่บ้านของบริษัทดีจัง น่าชื่นชมจริงๆ”

7.หากิจกรรมที่เป็นกุศลทำ

การลุกขึ้นลงมือทำอะไรเพื่อผู้อื่นนั้นจะช่วยยกจิตเราได้เป็นอย่างดี มีข้อแม้ว่า ต้องทำด้วยจิตเสียสละ เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นจริงๆ โดยไม่หวังอะไรตอบแทน แม้แต่การยิ้มอย่างจริงใจให้คนที่เราเดินผ่านในที่ทำงานพร้อมทั้งส่งความปรารถนาดีไปให้เขา ก็สามารถยกจิตเราขึ้นได้แล้ว

ถ้าทำครบทุกข้อแล้วยังรู้สึกแย่อยู่ ก็ให้พาตนเองออกมาจากสิ่งแวดล้อมนั้นๆ เสียเลย ถ้ามีโอกาสให้เดินออกไปข้างนอก เปิดรับสัมผัสจากธรรมชาติด้วยทุกประสาทสัมผัส หายใจเข้าลึกๆ ยืดตัวขึ้นตรง เปิดโอกาสให้แสงแดด สายลม ร่มไม้ เสียงน้ำไหล ช่วยยกจิตคุณ เพราะธรรมชาติก็คือธรรมะชั้นเยี่ยมนั่นเอง

 

หากคุณอยากมีความสุข พบความสำเร็จในทุกด้าน ลองอ่านแนวคิดดีๆ จากหนังสือ “รักที่สุด ณ จุดที่เป็น” หนังสือที่นำเสนอหลักแห่งรักและเมตตาจากสามแนวคิด (พุทธศาสนา วิทยาศาสตร์ และวิถีญี่ปุ่น) ที่ใช้ได้จริง ง่าย และได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ ผลงานจากปลายปากกาของ ดร.ณัชร สยามวาลา นักเขียนรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด และคุณเกตวดี Marumura นักเขียน Best seller ด้านญี่ปุ่น สำนักพิมพ์ Amarin Dhamma สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ได้ที่ www.naiin.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Posted in NEWS
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.