ช่างธันวา Homeboy

ช่างธันวา Homeboy ความสุขของเขาคือการตัดผมให้กับคนไร้บ้าน

ช่างธันวา Homeboy ความสุขของเขาคือการตัดผมให้กับคนไร้บ้าน

วันนี้ซีเคร็ตพาทุกท่านมาสัมผัสกับช่างตัดผมจิตอาสาของคนไร้บ้าน ช่างธันวา Homeboy – ทัศนัย แทนรินทร์ หนุ่มวัย 27 ปี ผู้หลงใหลในการตัดผมประหนึ่งเป็นงานศิลปะ เขาค้นพบตัวเองได้อย่างไรว่าการตัดผมฟรีให้คนไร้บ้านคือความสุขของเขา

ตอนแรกไม่ได้เรียนมาทางสายอาชีพ ผมเรียนสาขาประชาสัมพันธ์โฆษณา ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 4 เป็นช่วงที่นักศึกษาต้องฝึกงานเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์การทำงาน เลยเลือกเป็นผู้ช่วยช่างภาพที่เวดดิ้งสตูดิโอ ช่วงที่กำลังฝึกงานเกิดความรู้สึกอยากทำอะไรที่มันแปลกใหม่ และได้ยินว่าการตัดผมเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง จึงตัดสินใจมาเรียนตัดผมที่ศูนย์ฝึกอาชีพช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ พอตัดผมเป็นแล้วก็รู้สึกว่านี่แหละคืองานที่ชอบ เพราะเป็นงานที่มีเสน่ห์ ท้าทาย และทำให้ผมได้เรียนรู้ตลอดเวลา

 

"<yoastmark

 

ตอนเรียนทางศูนย์ฝึกอาชีพพาออกไปตัดผมให้กับคนในชุมชนฟรี ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มาก เกิดความอิ่มเอมใจที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนที่ผมไม่รู้จัก รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้ว่า เขาชอบทรงผมที่ตั้งใจตัดให้ คนที่เข้ามาใช้บริการตัดผมฟรีของศูนย์ฝึกอาชีพจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น และมีคนไร้บ้านเข้ามาใช้บริการบ้าง และตอนนั้นเองที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับคนไร้บ้านเป็นครั้งแรก ผมคิดว่าคนไร้บ้านเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสาร เขาไม่กล้าเข้ามาหาพวกเรา ผมเห็นคนไร้บ้านมีผมยาว บางคนไม่อาบน้ำสระผมจนผมแข็งเป็นสังกะตังดูสกปรก ผมคิดอยากเข้าไปตัดผมให้เขานะ เขาจะได้สบายโล่งหัว แต่ก็ได้แต่คิดไปเท่านั้น

พอผมเรียนจบหลักสูตรของศูนย์ฝึกอาชีพแล้ว ประจวบกับฝึกงานเสร็จพอดี ผมก็มุ่งมั่นว่าต้องเดินเส้นทางสายนี้คือเป็นช่างตัดผมอาชีพ ผมสมัครเป็นช่างตัดผมประจำที่ร้านบาร์เบอร์แห่งหนึ่งแถวรามคำแหง ร้านบาร์เบอร์แห่งนี้คือสนามจริงที่ทำให้ผมเรียนรู้และพยายามพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้น ตอนแรก ๆ ก็ฝึกฝนจากหัวของเพื่อนผมนี่แหละ อาศัยลองตัดและคิดทรงผมใหม่ ๆ ตัดผิดถูกบ้างเพื่อนกันคงไม่ว่าอะไร (หัวเราะ)

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้มาตัดผมให้คนไร้บ้านมาจากผมและเพื่อนเห็นข่าวว่าที่ต่างประเทศมีช่างตัดผมคนหนึ่งเดินทางไปตัดผมให้คนไร้บ้านตามที่ต่าง ๆ ผมประทับใจ ส่วนเพื่อนผมก็ชอบความเป็นจิตอาสาของเขา จึงรวมกลุ่มกันออกไปตัดผมให้คนไร้บ้าน ความอยากของผมในตอนนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา โดยในทีมจะมีผม เพื่อนของผมสองคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา และแฟนของผม พวกเราออกตระเวนตัดผมให้คนไร้บ้านบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง เสาชิงช้า ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ตรอกสาเก และคลองหลอด กลุ่มเราเปิดเพจเพื่อนำเสนอกิจกรรมของกลุ่ม ชื่อ “HomeBoy” เพื่อให้คนอื่นได้เห็นมุมมองของคนไร้บ้านในอีกมุมหนึ่ง

 

 

"<yoastmark

 

คนไร้บ้านไม่ได้เป็นบุคคลอันตราย หรือน่ากลัวอย่างที่คิด ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ถูกปัญหาการเงินเล่นงาน ถูกโกงจนหมดเนื้อหมดตัว ทำให้ไม่มีบ้านอยู่ รู้สึกอับอายจนไม่กล้ากลับไปบ้านเกิด เขาเลยเลือกที่จะเป็นคนไร้บ้านอยู่ที่นี่

ผมยอมรับว่าตอนลงพื้นที่ตัดผมให้คนไร้บ้านครั้งแรกมีความรู้สึกกลัวพวกเขาบ้าง แต่พอได้สัมผัสกับพวกเขาแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด พวกเขาก็เหมือนคนอย่างพวกเรา เพียงแต่เขาไม่ชอบอยู่ในที่ ๆ เป็นกรอบ (บ้าน) เขาชอบที่โล่งกว้าง มีอิสระ ไม่ชอบกฎเกณฑ์ จะนอนที่ไหนก็ได้ เป็นอิสรชน พวกเขาจะอยู่กันเป็นกลุ่มในบริเวณที่คิดว่าปลอดภัย

ครั้งหนึ่งเคยไปตัดผมให้คนไร้บ้านแถวประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ คนไร้บ้านกลุ่มหนึ่งเช่าตึกอยู่ด้วยกัน แล้วมีโครงการสวัสดิการของเขาเองคือ “โครงการวันละบาท” ทุกคนต้องจ่ายเงินคนละบาทต่อวัน เพื่อเป็นทุนสำหรับค่ารักษาพยาบาลเฉพาะสมาชิกที่เจ็บไข้ได้ป่วย หรือถ้าใครเสียชีวิตก็จะนำทุนส่วนนี้เป็นค่าทำศพ พวกเขาคิดว่าอย่างน้อยโครงการนี้ก็ช่วยให้ศพของพวกเขาได้เผา การจัดการหรือการมีโครงการแบบนี้ขึ้นในกลุ่มคนไร้บ้านทำให้เห็นว่าเขาคือคนกลุ่มน้อยที่ต้องดูแลกันเอง ซึ่งพวกเขาก็ทำออกมาได้ดี

 

 

"<yoastmark

 

วันแรกที่ลงพื้นที่ไปเจอคนไร้บ้านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอเจอแล้วได้ตัดผมให้พวกเขา เราได้เรียนรู้อะไรที่แปลกใหม่ เช่น คนไร้บ้านบางคนไม่อยากตัดผมหรือทำเนื้อตัวให้สะอาดเพราะเขาไม่อยากดูดี ไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งกับเขา กว่าจะเกลี้ยกล่อมหรือสร้างความสนิทสนมได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน กว่าจะได้ตัดสักหัว คนไร้บ้านบางคนไม่อยากตัด เราก็แสดงตนให้เขารู้ว่าเรามาอย่างเป็นมิตร ไม่ได้มาเพื่อมุ่งร้าย เราจะชวนเขาคุย ก่อน แล้วเราก็ได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจ แถมยังทราบประสบการณ์ชีวิตในอีกมุมหนึ่ง  ปัญหาที่ยากคือการตัดผมที่เป็นสังกะตังหนา ทรงผมที่คนไร้บ้านชอบที่สุดคือทรงสั้น

คนไร้บ้านคนแรกที่ผมลงปัตตาเลี่ยนให้เป็นชายสูงอายุที่เป็นคนปกติเหมือนเรา อาศัยอยู่บริเวณคลองใกล้กับสถานีรถไฟหัวลำโพง เคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน คนไร้บ้านไม่ได้เป็นคนที่นอนไปทั่ว หรือเป็นคนไม่มีประโยชน์ บางคนเขาทำงานสุจริต อย่างลุงที่ท่าพระจันทร์ แกะสลักพระจากเศษไม้ให้คนเช่าบูชา

 

"<yoastmark

 

สำหรับผมการตัดผมให้คนไร้บ้านเป็นการทำประโยชน์ให้ผู้อื่นที่เราเห็นได้ด้วยตาทันที เราเห็นผลที่ตามมาคือความสะอาดตาของเรา และความโล่งสบายหัวของเขา ผมเลือกทำความดีด้วยวิธีนี้ อาจดูเป็นการสนองตนเองที่อยากเจออะไรใหม่ ๆ เพื่อสร้างความท้าทายให้กับชีวิต ในยามที่ผมหมดไฟ หรือมีปัญหาชีวิต เมื่อจับปัตตาเลี่ยนบรรจงไถผมเพื่อให้คนไร้บ้านหล่อเหลา ทุกข์ใดใดมันก็คลาย ไฟที่มอดก็เหมือนได้รับการเติมเชื้อให้ลุกขึ้นมา หากจะเปรียบว่าสิ่งที่ทำคือความสุขไหม ถ้าความสุขคือสิ่งที่เราเสพได้เรื่อย ๆ ผมก็จะขอตัดผมให้คนไร้บ้านแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เช่นกัน

หลายคนอาจสงสัยว่าผมทำแบบนี้แล้วได้อะไร ขอตอบว่าถึงจะไม่ได้สิ่งตอบแทนเป็นวัตถุสิ่งของ แต่ผมก็ได้สิ่งตอบแทนกลับมาคือเรื่องราว ความรู้ที่แลกเปลี่ยนกัน ประสบการณ์ชีวิตจากคำบอกเล่าที่เกิดขึ้นจากการสนทนา คนไร้บ้านเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทุกเรื่องราวที่เขาเล่า แม้จะเป็นประสบการณ์ชีวิตในแง่มุมที่ลบ แต่มันคือของขวัญและสิ่งตอบแทนที่เราพอใจแล้วครับ

 

เรื่อง : ทัศนัย แทนรินทร์

เรียบเรียง : ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์

ภาพ :   ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ


บทความน่าสนใจ

มาร์ก บุสโทส ช่างตัดผมใจบุญ ผู้แจกจ่ายความสุขให้แก่คนไร้บ้าน

ฮิโรโกะ ยามากิชิ สาวญี่ปุ่นหัวใจไทย รักงานจิตอาสา

ลุงแดงปากเกร็ด จิตอาสา ทำมา 40 ปี โบกให้รถหยุดเคารพธงชาติ

มือเบสใจบุญ โอม Potato เป็นจิตอาสาช่วยเหลือมูลนิธิร่วมกตัญญู

ให้ได้ แม้ไม่มี: กอล์ฟฟี่ แฮร์สไตลิสต์จิตอาสา

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.