ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯห่วง ! จากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ค้นหาความจริง ฝุ่นพิษมรณะ PM2.5
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยภัยร้ายจาก ฝุ่นพิษมรณะ PM 2.5 ส่งผลกระทบทุกระบบของร่างกาย
เริ่มตั้งแต่ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบสมองและเส้นประสาทส่งผลกระทบถึงเด็กโดยสมองของเด็กจะเหี่ยวเล็กลงและเกิดสมาธิสั้น
ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหน่วยโรคระบบการหายใจเวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้อายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ฝุ่นมรณะ PM 2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากที่สุด
จากการศึกษาวิจัยพบว่าประชากรของประเทศไทยได้รับผลกระทบด้านชีวิตและสุขภาพ
จากฝุ่นมลพิษแทบทุกภาคมาอย่างยาวนานกว่าทศวรรษและทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงฤดูแล้ง (ช่วงเดือนธันวาคม – เมษายน) โดยเฉพาะ 3-5 ปีล่าสุด
โดยแหล่งกำเนิดมลพิษที่เป็นปัญหาและมีผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนมากที่สุดในช่วงฤดูแล้ง คือการเผาในพื้นที่เกษตรเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร (โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอ้อย ข้าวโพด และข้าวในทุกภาคยกเว้นภาคใต้) และยังมีการทำเกษตรพืชเชิงเดี่ยวในพื้นที่ภูเขาบ่อยครั้งที่ไฟลุกลามออกนอกพื้นที่ปลูกกลายเป็นสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งของไฟป่า (ภาคเหนือตอนบน) ตลอดจนมีการเพิ่มการเผาพื้นที่เกษตรจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรในประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน ทำให้พื้นที่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ได้รับผลกระทบจาก PM2.5
ในช่วงฤดูแล้งกันอย่างถ้วนทั่ว รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ได้รับ PM2.5 จากการเผาอุตสาหกรรมเกษตรเป็นหลักด้วยเช่นกัน เพราะกระแสลมที่พัดมวล PM2.5 จากแหล่งกาเนิดเข้าสู่กรุงเทพฯและ ปริมณฑลร่วมกับสภาพความกดอากาศการกักขังอากาศไม่มีการถ่ายเทเอื้อให้มลพิษ PM2.5 ลอยแขวนในบรรยากาศอยู่นาน ทำให้สัดส่วนแหล่งกำเนิด PM2.5 มาจากการเผาอุตสาหกรรมเกษตรมีอิทธิพลมากกว่ามลพิษจากการจราจรหรือมลพิษจากปล่องโรงงานอุตสาหกรรม
กล่าวโดยสรุปได้ว่ามลพิษ PM2.5 ในประเทศไทยในช่วงฤดูแล้งเกิดจากการเผาอุตสาหกรรมเกษตร อ้อย ข้าวโพดและข้าว เป็นหลัก และถูกซ้ำเติมด้วยการเผาอุตสาหกรรมเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งสาธารณรัฐกัมพูชา และสาธารณรัฐเมียนมาร์
- รีวิวเครื่องฟอกอากาศ ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อสุขภาพ
- คู่มือเลือก เครื่องฟอกอากาศ ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
- ปลูกต้นไม้ดูดสารพิษพิชิต PM 2.5
อ.นพ.รังสฤษฏ์ กาญจนะวณิชย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหน่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้แก่ ระบบการหายใจ (เช่น โพรงจมูกอักเสบทั้งแบบภูมิแพ้ และติดเชื้อหลอดคอ กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบ หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปอดอักเสบ)
การอักเสบจาก PM2.5 ส่งเสริมให้ระบบการหายใจมีการอักเสบ มากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อได้รับสารก่อแพ้และการอักเสบจาก PM2.5 ยังทำให้ติดเชื้อ (เช่นไวรัสไข้หวัด ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ แบคทีเรีย)ได้ง่ายและรุนแรงมากขึ้นหลายเท่า และจำนวนไม่น้อยที่เกิดการอักเสบทั้งแบบ ภูมิแพ้และแบบติดเชื้อผสมผสานกัน ระบบหัวใจ(กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว) ระบบหลอดเลือด (หลอดเลือดไปเลี้ยงสมองเสื่อม โรคstroke ของหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ หลอดเลือดดำอุดตัน) ระบบสมอง(สมองด้อยประสิทธิภาพ สมองเสื่อม สมาธิสั้นและระบบจิตประสาท (อารมณ์แปรปรวน ความผิดปกติทางจิตแบบซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย) และมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งของอวัยวะต่าง ๆ (โดยเฉพาะมะเร็งปอด)
ดังนั้น PM2.5 จึงเป็นมลพิษที่เป็นสาเหตุสำคัญต่อการเสียชีวิตทั้งแบบฉับพลัน เฉียบพลัน
และทำให้อายุขัยสั้นลง เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยทั้งฉับพลันและเฉียบพลันอาจรุนแรง ถึงกับต้องไปรับการรักษาที่แผนกฉุกเฉินหรือต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล
เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยเป็นโรคเรื้อรังโดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ โรคระบบการหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือดหรือทำให้โรคเรื้อรังดังกล่าว มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นรวมทั้งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด
รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 กับสมองและเส้นเลือดสมองและระบบประสาทด้วย ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังผนังเส้นเลือดจาก ฝุ่นละออง PM2.5 ทำให้เส้นเลือดสมองเสื่อม และเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
นอกจากนี้ปัญหายังส่งผลกระทบถึงเด็ก โดยสมองของเด็กจะเหี่ยวเล็กลง รวมถึงส่งผลทำให้เกิดสมาธิสั้นได้ด้วย และจากการสำรวจเมื่อปี 2552 จำนวนผู้เสียชีวิตรายปีจากค่าเฉลี่ยฝุ่นมรณะPM2.5 อยู่ที่ 38,410 ราย และหากเทียบกับจำนวนการเกิดอุบัติเหตุจากทางท้องถนนต่อปี ประมาณ 9,490 ราย ยังถือว่าแตกต่างกันมาก
ดังนั้นการลดปริมาณฝุ่นมรณะลงได้ 20% จะสามารถลดการเสียชีวิตของผู้คนลงถึง 22% เลยทีเดียว
โดยสรุปสำหรับชาวเชียงใหม่ หากฝุ่นมรณะPM2.5 รายวันเพิ่มขึ้น 10 มคก./ลบ.ม
จะสัมพันธ์ชัดเจนกับจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนที่อำเภอเชียงดาว หากชาวเชียงดาวได้รับฝุ่นมรณะPM2.5 รายวันเพิ่มขึ้น 10 มคก./ลบ.ม จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.5 ภายใน 1 สัปดาห์และผู้ป่วยที่นอนรับการรักษาในโรงพยาบาลเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 และในวันที่ค่าฝุ่นพิษ PM10 เกินค่ามาตรฐาน โรคหอบหืดกำเริบเพิ่มขึ้น 35% และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำเริบเพิ่มขึ้น 29%
ฝุ่นพิษมรณะ PM2.5 อันตรายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เราควรช่วยป้องกันประเทศของเรากันนะคะ
บทความเพิ่มเติม
รีวิวเครื่องฟอกอากาศ ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อสุขภาพ
คู่มือเลือก เครื่องฟอกอากาศ ป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
ปลูกต้นไม้ดูดสารพิษพิชิต PM 2.5
สูงวัยต้องระวัง! ผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 นั้นร้ายแรงกว่าที่คิด
วิธีป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่มากระทบสมอง ปอด หัวใจ ของผู้สูงอายุ