10 ดราม่าแม่ท้อง ต้องระวัง โรคซึมเศร้า

ใครๆก็อยากเป็นแม่คน เพราะการท้องนั้นทำให้คุณเเม่หลายๆคนมีความสุข เเต่ก็มีบางประสบการณ์ที่คุณแม่ท้องหลายๆคนไม่อยากจะพบเจอ เพราะหากคุณเเม่โดดเดี่ยว เครียด โรคซึมเศร้า ก็จะมาเยือน

ซึ่ง ดร. ซอนยา ราสมินสกีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศผู้หญิง ได้แนะนำไว้ดังนี้

โรคซึมเศร้าก่อนคลอด เป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นอย่างกระทันหันระหว่างท้อง ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของแม่ท้อง ไม่ใช่จุดอ่อนขอบุคลิกแต่เป็นสภาวะการเจ็บป่วยที่ต้องได้รับการดูแล
โรคซึมเศร้าก่อนคลอดสามารถรักษาให้หายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ใครที่บอกว่าหากคุณแม่ท้องแล้วเป็นบ้า รักษาไม่หายนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากได้รับการรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแน่นอนว่าโอกาสที่จะหายเป็นปกติได้อย่างแนนอน
แม่ท้องไม่มีภูมิคุ้มกันเสียงต่อเป็นโรคซึมเศร้า เช่น เคยมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคซึมเศร้า มีอารมณ์วิตกกังวล เครียดมาก่อน เคยเป็นหรือกำลังเป็นโรคไทรอยด์ หรือมีอาการเครียดทุกครั้งเมื่อมีอาการปวดประจำเดือน (การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน)
โรคซึมเศร้าที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถส่งผลให้เกิดอาการเเทรกซ้อนขณะท้องได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
การรักษาโรคซึมเศร้าระหว่างท้อง สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สองของการท้อง หากไม่ได้รับการรักษาจะนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้
การใช้ยารักษาโรคซึมเศร้านั้นปลอดภัย เเต่ไม่รับรองความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ เช่น มีงานวิจัยพบว่าการกินยาต้านโรคซึมเศร้ามีความเชื่อมโยงทำให้ลูกเป็นโรคออทิสติก หรือหัวใจพิการแต่กำเนิด เเต่ก็ไม่เสมอไป เพราะไม่ใช่เเค่การกินยาจะมีผลเท่านั้น แต่อาจเกิดจากระดับโภชนาการไม่ดีก็เป็นได้
การบำบัดด้วยจิตแพทย์มีประสิทธิภาพการรักษาเทียบเท่ากับการกินยาบางอย่าง เพราะการกินยาไม่ใช้คำตอบเดียวในการรักษาแม่ท้อง เเต่อาจเป็นการบำบัดด้วยวิธีอื่นๆได้เช่นกัน
การนอนและการออกกำลังกายทุกวัน สามารถช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าในแม่ท้องได้ เช่น การเล่นโยคะ การเดิน
การกินอาหาร 6 มื้อในเเต่ละวันช่วยให้ลดอาการเครียดและวิตกกังวลได้ในแม่ท้อง โดยเฉพาะกินอาหารที่เป็นแหล่งของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะช่วยเพิ่มการหลั่งสารเซโรโทนินลดอาการโรคซึมเศร้าได้
จำไว้เสมอว่าโรคซึมเศร้าระหว่างท้องนั้นสามารถรักษาให้หายได้ ฉะนั้นหากมีความกังวลหรือเครียด มีภาวะเสี่ยงควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเองและลูกในท้อง