” เก๋ากี้ ” ยาอายุวัฒนะตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน
วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำทุกคนให้รู้จักกับ ” เก๋ากี้ ” ยาอายุวัฒนะในตำราจีน โดยเป็นผลไม้ที่นำมายารักษาโรคได้หลายชนิด และถูกใช้ในตำราจีนมายาวนานกว่า 2,000 ปี
ทำความรู้จักกับเก๋ากี้
เก๋ากี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chinese Wolberry และ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lycium barbarum หรือบางตำรา เรียกทับศัพท์ว่า โกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) จัดอยู่ในกลุ่ม ผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รี่ ลักษณะต้นเป็นพุ่มไม่สูง มาก มีสายพันธุ์ประมาณ 70 – 80 สายพันธุ์ มีสีแดงจัด ลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเข้มเหมือน เลือด จึงมีอีกชื่อในภาษาจีนว่า “ฮ่วยกี้”หรือ “โก๋วฉีจึ” (枸杞子)ในบ้านเรานิยมใช้อยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ Lycium barbarum มีลักษณะสีแดงเม็ดเล็ก อมเปรี้ยวกว่า มักใส่ในซุปไก่ตุ๋น เรียกว่า”เก๋ากี้จีน” ส่วนอีกหนึ่งสายพันธุ์ คือ Lycium chinense สีแดงเข้มและเม็ดใหญ่กว่า ออกหวานมากกว่า ไม่เปรี้ยว มักใส่ในชา เป็นขนมเคี้ยวเล่น และใส่ในของหวาน เรียกว่า “เก๋ากี้ฮ่องกง” เก๋ากี้นั้นมีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย เพาะปลูกและเติบโต ได้ดีในแถบประเทศจีนตอนเหนือ เพราะมีอากาศเย็นและ สภาพทางภูมิศาสตร์เป็นบริเวณเทือกเขา ผลของเก๋ากี้ มักจะสุกในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ชาวจีนจะนิยมเก็บผลมาตากแห้ง จึงสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ตลอดจนนำมาแปรรูปเป็นชาชงดื่ม สำหรับศาสตร์การแพทย์แผนจีนเก๋ากี้ถูกใช้ในตำรายาจีน มานานกว่า 2,000 ปี ระบุไว้ว่า เก๋ากี้เป็นผลไม้ที่นำมาทำเป็น ยารักษาโรคได้หลายชนิด มีรสหวาน มีฤทธิ์เป็นกลาง ไม่ร้อนไม่เย็นเกินไป และไม่มีพิษ
ฤทธิ์ของเก๋ากี้ช่วยบำรุงเส้นลมปราณตับ ไต กระเพาะอาหาร และ ปอด มีสรรพคุณช่วยบำรุงให้ชุ่มชื่น ช่วยบำรุงสายตา สามารถป้องกัน และรักษาอาการตาแห้งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แพทย์จีนส่วนใหญ่นิยม ใช้บรรเทาและรักษาอาการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในตำรายาจีนมีข้อมูล ว่าเก๋ากี้ช่วยบำรุงร่างกายของเพศชายได้ดี
8 ประโยชน์ของเก๋ากี้ ผลไม้มหัศจรรย์
วิตามินเอสูง งานวิจัยจากหลายสถาบันพบว่า เก๋กี้อุดมไปด้วยวิตามินเอ เมื่อเทียบปริมาณวิตามินเอต่อน้ำหนัก พบว่า เก๋ากี้มีสูงมากกว่าเบอร์รี่ ชนิดอื่น ๆ วิตามินเอ เป็นส่วนประกอบสำคัญในจอประสาทตา มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยลดความเสี่ยงของอาการตาบอดกลางคืน (Night Blindness)
แคลเซียมสูง เก๋ากี้มีแคลเซียมสูงกว่าบรอกโคลี สามารถช่วยบำรุง มวลกระดูกให้แข็งแรง และยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงและกล้ามเนื้อ
มีฤทธิ์เป็นกลาง แปลว่า สรรพคุณอยู่ตรงกลาง ไม่ร้อนไม่เย็น สามารถกินเยอะเท่าไรก็ได้ ไม่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล แต่ต้องกิน เยอะหน่อยเพื่อให้ได้ปริมาณที่จะเอาไปใช้เป็นยาค่ะ ถามว่าปริมาณที่ใช้ เป็นยาต้องกินเท่าไร ถ้าสมมติเราอยากให้บำรุงสายตาต้องกินประมาณ 1 กำมือ หยิบมาได้เท่าไรอยู่ในอุ้งมือ ก็จะประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 15 กรัม ประมาณนั้นต่อวัน ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ เก๋ากี้ก็เลยกลายเป็นอาหาร เป็นชา เป็นขนม ระดับความปลอดภัยของเก๋ากี้คือ ระดับอาหารในตำรับยาจีน (Food Level) ถือว่าปลอดภัยมาก ส่วนใหญ่ถ้ากินเยอะเกินไปก็แค่ระบายดี ท้องหายผูก
เป็นยาระบายอ่อนๆ สมมติว่ากินเยอะหน่อย เก๋ากี้ขาย ถุงใหญ่ถุงหนึ่งหนัก 1 กิโลกรัม กินสักครึ่งกิโลกรัมก็อาจจะมีแค่ถ่ายออกมาเยอะ แต่ไม่ใช่แบบท้องเสียติดเชื้ออะไร เป็นเพราะเก๋ากี้มีกากใยสูง ที่สำคัญคือไม่มีการกินเกิน (Overdose) ใด ๆ แล้ว ร่างกายเราเองต่อให้กินวิตามินเอเยอะ เราก็จะดูดซึมเท่าที่จะใช้เท่านั้นเอง
บำรุงไต ด้วยความที่ต้นเก๋กี้มีหลายสายพันธ์หลากสี แต่ว่าแผนจีนจะเลือกเอาสายพันธุ์สีแดงสด สีแดงคล้ำ ไปจนถึงสีเกือบดำมาทำยาจีน เพราะถือว่าสีที่แดงเข้มจะมีธาตุเหล็กเยอะ ฉะนั้นเก๋ากี้สีแดงจึงบำรุงเลือด บำรุงตับ บำรุงหัวใจ บำรุงไต บำรุงของเหลวจำเป็นในไตที่เรียกว่า Jing. จิ้ง (精)คือถ้าไต มีจิ้งเก็บไว้เยอะก็จะทำให้อายุยืน เก๋ากี้ก็เลยถือว่าเป็นยาอายุวัฒนะ แล้วหน้าตาเม็ดเก๋ากี้ก็จะคล้าย ๆ ดวงตาของเรา รูปร่างเหมือน ดวงตา ทางแผนจีนก็บอกว่าจะช่วยเรื่องบำรุงดวงตา ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์แล้วว่าเก๋ากี้บำรุงดวงตา เพราะมีวิตามินเอเยอะ ช่วยทำให้เห็นกลางคืนได้ดีขึ้น ถ้าขาดวิตามินเอ กลางคืนจะมองไม่ค่อยเห็น
บำรุงปอด สำหรับปอดที่ไม่ค่อยแข็งแรง อาการไอแห้งๆ มายาวนาน ไม่ค่อยมีแรงไอ ลักษณะไอเบาๆ แต่เป็นนาน
บำรุงเลือด จากการที่มีธาตุเหล็กสูง เก๋ากี้ก็จะบำรุงเลือดได้ดี เวลาบำรุงเลือดได้ดีทางแผนจีนจะถือว่าบำรุงตับแบบแผนจีนซึ่งเป็นที่เก็บเลือดไปด้วย การที่ตับแบบแผนจีนดี ทำให้การเดินของเลือดและประจำเดือนเป็นปกติ ร่างกายแข็งแรง
บำรุงระบบประสาท เพราะมีวิตามินบี 1 บี 2 หรือไรโบฟลาวิน (Ribo lavin) วิตามินซีสูง ช่วยให้มีแรง มีพลังงานระหว่างวัน ต้านอนุมูลอิสระได้สูง ทำให้ไม่ค่อยเพลียเวลาทำงาน
สารพัดเมนูจากเก๋ากี้
ตากแห้งแล้วนำมาชงเป็นชาดื่ม โดยใช้น้ำร้อนประมาณ 90 องศา เพื่อไม่ให้น้ำร้อนเกินไปแล้วไปทำลายวิตามินเอและวิตามินซี
มิกซ์เบอร์รี่ผสมในโยเกิร์ต กินเป็นอาหารเช้าโดยเพิ่มในข้าวโอ๊ต ซีเรียลอาหารเช้าแบบฝรั่ง
กินเป็นของว่างแทนขนมขบเคี้ยว จะหนึบๆ อร่อยเหมือน แคนดี้หรือแครนเบอร์รี่ตากแห้งค่ะ จะใส่ปนกันเป็นถุงไว้กินตอน เดินเล่น เดินป่า หรือกินเป็นสแน็ค ถือเป็นของว่างที่มีประโยชน์
ผสมในน้ำซุปตุ๋นกับผัก ซุปทั่วไปถ้าอยากให้น้ำซุปหวานนิดๆ อมเปรี้ยวหน่อย ๆ ใช้ตัดมันตัดเลี่ยนได้ด้วย ก็จะใส่ตอนทุกอย่าง ต้มเสร็จหมดแล้ว พอปิดไฟค่อยใส่เก๋ากี้ เพื่อที่ว่าวิตามินเอวิตามินซี จะได้ไม่สูญหายไป เวลาใช้ใส่ประมาณ 1 ช้อนชา – 1 ช้อนโต๊ะ หรือ จำนวน 5-15 กรัม
ผสมปั่นในเครื่องดื่มสมู้ตที เดี๋ยวนี้มีการพัฒนาสูตรสมู้ตทีมากมายเพื่อเพิ่มประโยชน์ โดยนำเก๋ากี้มาใส่ผสมปั่นหรือใช้โรยหน้า สมู้ตทีแก้วโปรดได้เช่นกันค่ะ
ผสมในพายหรือเค้ก สำหรับฝรั่งนิยมนำเก๋ากี้ไปใส่แป้งเค้ก หรือพายเพื่ออบให้เป็นเนื้อเดียวกัน
Energy Bar ในกลุ่มคนออกกำลังกายมักผสมกับน้ำผึ้งและ ธัญพืช อบทำเป็นขนมแท่งกินเป็นของว่างระหว่างมื้อ
ข้อมูลเพิ่มเติม
เก๋ากี้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย สามารถกินได้ตามปกติ แต่มีข้อ ควรระวังสำหรับคนที่ท้องเสียบ่อย หรือธาตุอ่อน ควรกินในปริมาณ ที่จำกัด เพราะคนกลุ่มนี้มีภาวะ ม้ามอ่อน คือ ระบบย่อยไม่ค่อย ดี ไฟเบอร์และน้ำมันของเก๋ากี้ จะช่วยระบายท้องได้ดีเกินไปจน ถ่ายเหลวได้
ข้อมูลจาก
นิตยสาร ชีวจิต ฉบับที่ 534 ( 1 มกราคม 2564)
_____________________________________________________
บทความอื่นที่น่าสนใจ
เก๋ากี้ โกจิเบอร์รี่ กินแล้วดีอย่างไร
แก้ปวดเมื่อย ด้วยซุปกระเพาะหมู สมุนไพรตู้จ้ง-ตั่งเซิน-เก๋ากี้