ไม่ว่าจะวันไหนๆ การใส่ใจดูแลสุขภาพของคนที่เรารักก็สำคัญทุกวันนะ แต่สำหรับคนไหนไม่ค่อยมีเวลาอยู่ดูแลหรือนานๆ ครั้งจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวได้ก็คงเป็นเรื่องทึค่อนข้างจะยาก ใกล้ถึงวันแม่อีกแล้ววันหยุดทั้งทีหาเวลากลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวได้แล้ว
แต่วันแม่ปีนี้นอกจะเป็นวันที่ลูกๆ ทุกคนได้มีโอกาสพิเศษบอกรักแม่หรือทำอะไรดีๆ เพื่อแม่กันแล้ว บางคนก็อยากจะทำอะไรพิเศษเพื่อแม่บ้าง อาจจะซื้อของขวัญ หรือพาแม่ไปเที่ยวบ้าง แต่นอกจากของขวัญเหล่านี้เรามาเปลี่ยนแนวใส่ใจสุขภาพท่านกันบ้าง อาจจะเป็นโอกาสพิเศษพาแม่ไปตรวจสุขภาพ หรือเปลี่ยนมาเป็นกับข้าวแสนอร่อยกับครอบครัวกันสักมื้อ แต่เมนูอาหารจะต้องอร่อยและได้สุขภาพด้วยนะถึงจะดี เอาเป็นว่าทำทานได้ทุกวันไม่เฉพาะแค่วันแม่วันเดียว แต่คุณแม่สามารถทำทานที่บ้านได้ แต่วันสำคัญลูกๆ ต้องทำให้ท่านทานดีกว่าเนอะ
วันนี้เรามี 5 จานเด็ด อร่อยแถมได้ประโยชน์ดีต่อสุขภาพคุณแม่มาฝาก จะมีจานเด็ดอะไรบ้างไปดูกันเลย
Rice & Salmon Steak Tartar แซลมอนและข้าวสีม่วงป้องกันสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ชนิดรักษาได้ ซึ่งมักเกิดจากสภาวะโรคเช่น โรคซึมเศร้า เนื้องอกในสมอง โรคไทรอยด์ โรคติดเชื้อ โรคขาดสารอาหารบางชนิด และชนิดรักษาไม่ได้ เช่น อัลไซเมอร์
สันนิษฐาน ว่า อัลไซเมอร์นั้นเกิดจากพันธุกรรมและอาจมีปัจจัยเสริม เช่น อาหารสิ่งแวดล้อม และโรคติดเชื้อบางชนิด จากผลสำรวจระบุว่า ในบุคคลช่วงอายุ 65 ปีจะมีอัตราการป่วยเป็นอัลไซเมอร์ 10 เปอร์เซ็นต์และพบมากเมื่ออายุมากขึ้น แนวทางการรักษาโรคนี้ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดรักษาหายขาด เพียงแต่ช่วยชะลออาการ และเชื่อว่าการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น น้ำมันปลาอันอุดมด้วยโอเมก้า – 3 หรือข้าวสีม่วงซึ่งมีสารแอนโทไซยานิน สามารถลดความเสี่ยงของโรคดังกล่าวได้
โอเมก้า – 3 (มีสองชนิดคือ EPA และ DHA) มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ อีกทั้งมีวิจัยพบว่า ดีเอชเอเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมอง ประสาทตา และการควบคุมการทำงานของสมอง ขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอนโทไซยานินที่ได้จากพืชสีม่วงต่างๆ เช่นข้าวสีม่วง เบอร์รี่สีม่วง ดอกไม้บางชนิดก็สามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์ เพิ่มความสามารถในการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดเล็กๆ ได้ดี จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบำรุงและส่งเสริมการทำงานของสมองได้นั่นเอง
เมนู Rice & Salmon Steak Tartar ปลาคิงแซลมอนเนื้อนุ่มสีส้มอุดมไปด้วยโอเมก้า – 3 นำมาเคล้ากับข้าวแจสแบอร์รี่ ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ ผสมขึ้นจากข้าวเหนียวดำและข้าวหอมมะลิ เต็มไปด้วยสารแอนโทไซยานินและเครื่องเทศสมุนไพรช่วยขับลมนานาชนิด ปรุงรสคล้ายกับอเมริกันสเต๊กทาร์ทาร์ บวกกับพล่าของไทย ราดด้วยซอสสองชนิด อย่างแรกปรุงรสแซบแบบไทย ทำจากน้ำพริกเผาและซอสสีเหลืองทำคล้ายฮอลลันเดสซอส แต่เติมกลิ่นมะกรูดหอมๆ ลงไป เท่านี้ก็ได้อาหารบำรุงสมองแสนอร่อยแล้ว
ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เตรียม 20 นาที ปรุง 30 นาที
- คิงแซลมอนหั่นเต๋าเล็ก 1 ถ้วย
- ข้าวแจสเบอร์รี่หุงสุก 2 ถ้วย
- แอ๊ปเปิ้ลเขียวหั่นเต๋าเล็ก ½ ถ้วย
- หอมเล็กสับหยาบ ¼ ถ้วย
- ตะไคร้ซอยบาง ½ ถ้วย
- สะระแหน่ซอย ¼ ถ้วย
- เคเปอร์ดองสับ ¼ ถ้วย
- น้ำมันมะกอกชนิด Extra Virgin 3 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอย ใบมะกรูดซอยและยอดสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
1. ค่อยๆ เคล้าส่วนผสมทุกอย่างรวมกัน
2. ตักส่วนผสมใส่จานหรือใส่พิมพ์กดให้แน่นแล้วคว่ำลงบนจาน ตกแต่งด้วยตะไคร้ซอยใบมะกรูดซอย และยอดสะระแหน่ ราดซอสทั้งสองชนิดด้านข้าง พร้อมเสิร์ฟ
ส่วนผสมซอสพล่า
- น้ำพริกเผา ¼ ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ ¼ ถ้วย
- น้ำมะนาวเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาวเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ ¼ ถ้วย
- พริกขี้หนูสับ 7 เม็ด
วิธีทำ
ผสมส่วนผสมทุกอย่างรวมกัน คนจนเนียนละเอียดดี
ส่วนผสมซอสฮอลลันเดส
- ไข่แดง 4 ฟอง
- ไวท์ไวน์วินีการ์ ¼ ถ้วย
- ดิจองมัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ใบมะกรูดซอย
- แล้วสับละเอียดยิบ 1 ช้อนชา
- น้ำมันมะกอกชนิด Extra Virgin 3-4 ถ้วย
- พริกไทยสามสีบดตามชอบ
วิธีทำ
ตีไข่แดง มัสตาร์ด น้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำเลมอน และเกลือรวมกัน ใส่ไวท์ไวน์วินีการ์ให้เข้ากัน ค่อยๆ รินน้ำมันมะกอกลงไปทีละน้อย พร้อมตีส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนข้น เติมใบมะกรูดสับละเอียด ตีให้เข้ากัน
Tips
แช่แอ๊ปเปิ้ลที่หั่นเต๋าแล้วกับน้ำเกลือเจือจาง จะช่วยป้องกันแอ๊ปเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
ซอยตะไคร้แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปเล็ก-น้อย เคล้าให้ทั่ว ป้องกันตะไคร้เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 639.68 กิโลแคลอรี
โปรตีน 14.40 กรัม ไขมัน 36.42 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 74.69 กรัม ไฟเบอร์ 2.44 กรัม
สูตร : ครัว H & C เรื่อง : สิทธิโชค ศรีโช
“เซียนร่าเริง” จานอร่อยลดไขมันในเลือด
สาเหตุของภาวะที่มีไขมันในเลือดสูง หรือ Hyperlipidemia
1. กินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ คือ กินอาหารที่มีไขมันมาก เช่น อาหารทอดที่อมน้ำมัน เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมันอาหารที่มีกะทิมากหรืออาหารหวานมาก
2. ความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันลดลง จึงทำให้มีไขมันในเลือดสูง
3. โรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมักกินจุและได้รับพลังงานเกินความต้องการของร่างกายจึงทำให้เกิดการสะสม
อันตรายในผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงที่พบได้บ่อย
เสี่ยงต่อภาวะของหลอดเลือดแดงแข็งซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจขาดเลือดภาวะตับและม้ามโต หรือไขมันพอกตับ มักพบในผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์สูงมากเป็นเวลานานบางรายอาจมีระบบประสาททำงานผิดปกติ เช่น เดินโซเซ กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง บางรายมีภาวะของอัมพฤกษ์อัมพาตจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบตัน
ในทางการแพทย์แผนไทยมองสาเหตุของภาวะไขมันในเลือดสูงดังนี้
1. เกิดเพราะไฟปริณามัคคี (ไฟย่อยอาหาร)ผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการย่อย การเผาผลาญอาหาร เช่น ไฟย่อยอ่อนกำลังจากอายุที่มากขึ้น หรือกินอาหารที่ลดทอนการทำงานของไฟย่อยอาหาร เช่น น้ำเย็น น้ำแข็ง กินอาหารที่ดิบและมีฤทธิ์เย็นในมื้อเย็นมากไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผักดิบ หรือดื่มน้ำมากไปในขณะรับประทานอาหาร
2. เกิดจากการทำงานของระบบลมที่เกี่ยวข้องกับการย่อยและการดูดซึม การเคลื่อนตัวของอาหาร
3. เกิดจากการสะสมของเสมหะ (เมือก มูกและไขมัน) ที่ร่างกายขับออกไม่หมด
4. เกิดจากพฤติกรรมการกิน กินเกินพอดีกินเกินกำลังธาตุ และกินผิด เป็นต้น
การดูแลหรือรักษาในลักษณะทางการแพทย์แผนไทยนั้น จะใช้ยาหรืออาหารที่ช่วยเสริมฤทธิ์ในการย่อย การเผาผลาญ เพื่อกระตุ้นไฟย่อยอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะและลำไส้ (เสริมระบบของไฟย่อยและระบบลมในทางเดินอาหาร)ลดการสะสมของเสียหรือสิ่งที่เป็นส่วนเกินเพื่อรักษาสมดุลของระบบธาตุต่างๆ ในร่างกาย
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เตรียม 40 นาที ปรุง 20 นาที
- กระเทียมกลีบใหญ่สับละเอียด 5 กลีบ
- ขิงแก่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้ขาวอย่างนิ่มหั่นเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ
- ผักกาดหางหงส์หั่นท่อน 1 กาบ
- ผักโสภณ (ผักกาดฮ่องเต้) หั่นท่อน 1 ต้นเล็ก
- เห็ดหอมแห้งแช่น้ำจนนิ่มหั่นเต๋า 3 ดอก
- เห็ดฟางหั่นเป็นแผ่น 3 ดอก
- เห็ดนางฟ้าหั่นเต๋า 2 ดอก
- แครอตหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
- เมล็ดถั่วลันเตาต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวโพดเม็ดต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะพูน
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำตาลไม่ขัดขาวเล็กน้อย
- พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
- น้ำมันรำข้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาดหรือน้ำสต๊อก 2 ถ้วย
- เส้นบะหมี่จี่ในกระทะ 2 แผ่น
วิธีทำ
ผัดขิงและกระเทียมสับกับน้ำมันให้เหลืองหอม ใส่เห็ดหอมลงผัดก่อน ตามด้วยเห็ดฟางเห็ดนางฟ้า และผักต่าง ๆ ใส่น้ำลงไป พอเดือดใส่เต้าหู้ลงไปคลุกเคล้า ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว เกลือน้ำตาล ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเล็กน้อยใส่ลงไป คนจนแป้งสุกข้นเล็กน้อย ชิมรสและโรยด้วยพริกไทยให้หอม นำไปราดบนเส้นบะหมี่จี่ในกระทะเหมือนโกยซีหมี่เส้นก๋วยเตี๋ยวลวกจี่น้ำมันน้อยหรือราดข้าวสวยเคียงพริกชี้ฟ้าเขียวสดซอยก็ได้
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 20.91 กิโลแคลอรี
โปรตีน 9.82 กรัม ไขมัน 7.16 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 79.40 กรัม ไฟเบอร์ 4.89 กรัม
ข้าวอบเต้าหู้พะโล้หม้อดิน บำรุงร่างกาย
ข้าวอบหม้อดินสไตล์จีนนี้เราประยุกต์วิธีการทำให้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องต้มข้าวแบบเดิมให้เสียเวลา ใช้วิธีการรวบรัด โดยนำข้าวสุกมาผัดข้าวกับเครื่องเคราแทน ส่วนเนื้อสัตว์เราปรับใช้เป็นเต้าหู้ดำ เต้าหู้ทอด และฟองเต้าหู้นำไปต้มพะโล้ให้มีกลิ่นรสหอมหวาน ก่อนรับประทานตักข้าวใส่หม้อดิน ราดด้วยเต้าหู้พะโล้แล้วตั้งไฟให้มีกลิ่นหอม เพียงเท่านี้ก็ได้ข้าวอบหม้อดินแสนง่ายรับประทานแล้ว
ส่วนผสม
- ข้าวกล้องหุงสุก 2 ถ้วย
- แปะก๊วยต้ม 20 เม็ด
- เผือกหั่นเต๋าเล็กทอดพอเหลือง ½ ถ้วย
- เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นเป็นเส้น 4 ดอก
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
- พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา
- ผักชีสำหรับโรยหน้า
ส่วนผสมเต้าหู้พะโล้
- เต้าหู้ดำหั่นเต๋าใหญ่ 12 ชิ้น
- ฟองเต้าหู้แช่น้ำจนนิ่มตัดชิ้นพอคำ 8 ชิ้น
- เต้าหู้ทอดสำหรับทำเย็นตาโฟ 12 ชิ้น
- ขิงหั่นแว่น 6 แว่น
- น้ำสต๊อกผัก 2 ถ้วย
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1½ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยขาวป่น 1 ช้อนชา
- ผงพะโล้ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
Superfood Smooth Berry สมู้ตทีเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ
รังไข่เป็นอวัยวะสำคัญของผู้หญิงที่อยู่ติดกับปีกมดลูกทั้งสองข้างทำ หน้าที่ในการผลิตไข่ทุกเดือนในวัยเจริญพันธุ์เพื่อรอผสมกับอสุจิเป็นตัวอ่อน อีกหน้าที่คือการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงคือเอสโทรเจนและโปรเจสเทอโรน
ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอวัยวะส่วนนี้มีปัญหา จะรู้ตัวอีกทีก็เพราะเกิดปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือปัญหาเรื่องการมีบุตรยาก จึงให้ความสนใจและความสำคัญกับรังไข่ว่ามีปริมาณและความสมบูรณ์ของไข่ปกติ หรือไม่นอกจากนี้การมีก้อนในรังไข่ ถุงน้ำ หรือมะเร็งรังไข่ก็เป็นโรคที่พบได้บ่อยเช่นกัน
หากป่วยเป็นโรคนี้ การที่ผู้ป่วยจะรู้ตัวเนิ่นๆ ก่อนอาการของโรคลุกลามคือ การสังเกตร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของการมีประจำเดือนคลำดูก้อนที่หน้าท้องโดยเฉพาะตอน นอนจะเป็นท่าที่คลำง่ายที่สุด และนั่นหมายความว่าต้องไม่ปล่อยให้อ้วนจนผนัง
หน้าท้องหนาคลำไม่ได้นะคะ จะทำให้วินิจฉัยยาก การตรวจร่างกายประจำปีในผู้หญิงอายุเกิน 40 ปีขึ้นไปโดยการทำอัลตราซาวนด์เป็นวิธีที่ช่วยให้วินิจฉัยได้เร็วค่ะ
สำหรับคนที่อยากมีสุขภาพรังไข่ดีนั้นวันนี้มีคำแนะนำง่าย ๆ คือ การมีจังหวะชีวิตท่สี ม่ำเสมอกินอาหารแต่พอดี เพราะหากอดอาหารมากไปก็จะทำให้ประจำเดือนขาด รับประทานมากไปโดยเฉพาะอาหารที่ก่อปัจจัยเสี่ยงก็เกิดก้อนขึ้นมาได้
“ราสป์เบอร์รี่” เป็น หนึ่งในผลไม้ที่ใช้ต้านมะเร็งรังไข่ได้ค่ะเพราะ Red Raspberry มีสาร Sanguiin H-6 (SH-6) ที่เหนี่ยวนำให้เกิดการแตกตัวของเซลล์มะเร็งรังไข่ หากมองด้วยมุมมองของนักพฤกษศาสตร์เพื่อทำความเข้าใจพืชผ่านรูปร่างของมัน (Doctrine of Signature) กลุ่มของราสป์เบอร์รี่เป็นพืชตระกูลกุหลาบ (Rosaceae) เราจะพบว่าพืชตระกูลกุหลาบให้กลิ่นหอมพิเศษซึ่งทำงานกับระบบอารมณ์ความ รู้สึก (Soul)
นอกจากนี้พืชตระกูลเบอร์รี่มีการเป่งและบวมของน้ำที่สะสมเอาไว้ในผล สังเกตได้จากตัวผลซึ่งผลิมาจากช่อดอกของพืชตระกูลนี้จะบวมอัดกันแน่นจนรวม เป็นผลเบอร์รี่อย่างที่เรากินกัน เปรียบเสมือนส่วนที่เป็นระบบสืบพันธุ์ของพืชที่เกิดการบวมโตและทำงานจนเกิน พอดีจึงไม่แปลกที่จะพบสารบางอย่างในราสป์เบอร์รี่ที่มีส่วนช่วยในการยับยั้ง เซลล์มะเร็งรังไข่ได้
วันนี้จึงหยิบเอาราสป์เบอร์รี่มาทำเป็นสมู้ตทีเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ ทั้งยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งรังไข่ได้เป็นอย่างดี ฝากไว้ให้คุณนำไปใช้ดูแลสุขภาพกันค่ะ
ส่วนผสม (สำหรับ 2 แก้ว) เตรียม 10 นาที ปรุง 5 นาที
- ราสป์เบอร์รี่แช่แข็ง 1 ถ้วย
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่หวาน 1 ถ้วย
- เมล็ดอัลมอนด์ 2 ช้อนโต๊ะ
- เมล็ดเจีย 1 ช้อนชา
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า ½ ถ้วย
- ใบสะระแหน่ 4 – 5 ใบ
- ใบสะระแหน่และเมล็ดเจียสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
ปั่นส่วนผสมรวมกันในโถปั่นความเร็วสูง ดื่มมื้อเช้า ช่วยให้สดชื่นตลอดวัน
พลังงานต่อหนึ่งแก้ว 136.84 กิโลแคลอรี
โปรตีน 4.73 กรัม ไขมัน 7.05 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 7.71 กรัม ไฟเบอร์ 3.31 กรัม
“น้ำพริกคุณยาย” เมนูเด็ดต้านกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุน คือภาวะความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง โครงสร้างภายในกระดูกเสื่อมสลาย ส่งผลให้กระดูกแตกหักได้ง่าย
วิธีการป้องกันโรคกระดูกพรุนนั้น ขั้นแรกคือ การตัดหรือลดทอนปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น เลี่ยงการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ หมั่นออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรงในท่าที่เหมาะสม สำหรับผู้สูงอายุควรเลือกการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงหรือหักโหม เช่น ฤๅษีดัดตนรำชี่กงหรือรำไทเก๊ก หรือการฝึกโยคะ เป็นต้น
นอกจากนี้การรับประทานอาหารเพื่อเสริมแคลเซียมก็สามารถชะลอสภาวะโรคดังกล่าวได้ เช่น ดื่มนมที่มีแคลเซียมสูงเป็นประจำ บริโภคปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งตัวหรืออาหารทะเล เช่น กุ้งเปลือกนิ่มรับประทานได้ทั้งเปลือก หรือแคลเซียมที่ได้จากตัวเคย และจากผักใบเขียวเข้ม เป็นต้น
เมนูเด็ดต้านกระดูกพรุน หลายท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุนกันมาบ้างว่ามักพบในกลุ่มผู้สูง อายุโดยสัญญานเตือนอาจเริ่มจาก มีอาการปวดหลัง เดินตัวงอ หรือรู้สึกว่าเตี้ยลงผิดปกติซึ่งส่อว่ารูปทรงกระดูกหรือมวลกระดูกในร่างกาย ของผู้นั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจึงไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ และควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เตรียม 25 นาที ปรุง 20 นาที
- พริกขี้หนูแห้งคั่ว 5 เม็ด
- ข่าซอยคั่ว 1 ช้อนชา
- ตะไคร้ซอยคั่ว 2 ช้อนชา
- หอมเล็กซอยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมไทยคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือส้มย่างไฟจนสุก 6 ลูก
- น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา
- ปลาสลาดย่างหรือปลาสร้อยย่างนำไปปิ้งไฟอีกครั้งจนกรอบดี โขลกละเอียด 4 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
- ผักชีซอย 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2½ ช้อนชา
เครื่องเคียงน้ำพริก
- กุ้งฝอยล้างสะอาด 100 กรัม นำไปคั่วใน
- กระทะใส่เกลือ ½ ช้อนชา
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- ตะไคร้ซอย 1 ต้น
- จัดใส่จานสำหรับรับประทานกับน้ำพริก ดอกแคลวก 10 ดอก
- ฟักทองหั่นชิ้นพอคำต้มสุก 8 ชิ้น
- กระเจี๊ยบเขียวต้มสุก 6 ฝัก
- ยอดหรือดอกผักปลังลวก 60 กรัม
- เห็ดนางฟ้าต้มสุก 8 ดอก
วิธีทำ
ใส่ส่วนผสมน้ำพริกที่คั่วแล้วลงครกโขลกพอแหลก ใส่ปลาสลาดป่น ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ใส่มะเขือส้มย่างบุบให้แตก ชิมรสให้เผ็ด เค็ม หวาน และเปรี้ยวเล็กน้อยแล้วตักขึ้น โรยด้วยต้นหอมและผักชีซอย เวลารับประทานจึงคลุกให้เข้ากัน (ถ้าไม่ชอบน้ำพริกที่แห้งก็สามารถเติมน้ำสุกเล็กน้อยได้)
เกร็ดความรู้
- ปลาย่าง และกุ้งฝอย เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่มีแคลเซียมสูง
- ข่า ช่วยขับลม แก้อาการปวดบิดมวนลำไส้
- ตะไคร้ ช่วยขับปัสสาวะได้ดีขึ้น
- หอมแดง ช่วยขับลม แก้จุกเสียด
- กระเทียม ช่วยลดไขมันในเลือด
- ผักต่างๆ ช่วยเพิ่มกากใยอาหารทำให้ขับถ่ายสะดวก
- ดอกแค นอกจากมีกากใยแล้วยังช่วยให้เจริญอาหาร
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 259.23 กิโลแคลอรี
โปรตีน 17.47 กรัม ไขมัน 7.84 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 29.61 กรัม ไฟเบอร์ 4.93 กรัม
สูตร : อาจารย์วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร
แอดมินหวังว่าสูตรจานเด็ดบำรุงร่างกายทั้ง 5 จานนี้จะเป็นประโยชน์และได้นำไปทำรับประทานกันนะคะ วันแม่หรือวันไหนๆ ก็ดูแลสุขภาพกันได้ สุขสันต์วันแม่แห่งชาติคะ ^^
สูตรจากนิตยสาร Health&Cuisine
เรียบเรียงโดย Admin Pak Kimji