ถ้าสะบัดผมแล้วผมลื่นมีน้ำหนักเด้งกลับดุจมีสปริงเหมือนในโฆษณาเจ้าของเส้นผมและคนที่พบเห็นคงมีความสุขไม่น้อยแต่ในความจริงสารพัดปัญหาของเส้นผม ทั้งหลุดร่วง รังแค หงอกก่อนวัยคงกวนใจผู้ต้องเผชิญอยู่ไม่น้อย ฉบับนี้คุณหมอทั้งสามท่านจึงเลือกหยิบอาหารจานเด็ดพร้อมสารพัดเคล็ดวิธีบำรุงเส้นผมให้งามดั่งใจฝันมาฝากคุณ
เรือนผมสลวยด้วย “บัวลอยสองสี”
เส้นผม ในทางการแพทย์แผนไทยเรียกว่า เกสา จัดอยู่ในธาตุดิน ทำหน้าที่ปกคลุมหนังศีรษะไม่ให้โดนกระทบจากเปลวของปิตะ (ธาตุไฟ) จากแสงอาทิตย์จนมากเกินไป
อาการเจ็บป่วยของเส้นผมแพทย์แผนไทย เรียกว่า เกสาพิการค่ะ โดยมีอาการที่บันทึกระบุไว้ได้แก่ ผมร่วง ผมหงอกเป็นต้น ซึ่งการรักษานั้นแพทย์แผนไทยโบราณมีทั้งการรักษาจากภายนอกและภายใน ซึ่งภายนอกนั้นนิยมใช้น้ำมะกรูดมาหมักผม เพื่อป้องกันผมร่วงช่วยป้องกันการเกิดรังแค หรือบางครั้งก็ใช้ลูกประคำดีควายมาต้มกับน้ำแล้วนำน้ำที่ได้มาสระผม บ้างก็ใช้ใบหมี่ซึ่งมีกลิ่นหอมมาต้มผสมกับน้ำซาวข้าว ช่วยป้องกันผมร่วง ป้องกันรังแค ช่วยให้ผมงอกใหม่ได้เร็วขึ้น ส่วนกรณีผมแห้ง ก็ใช้น้ำมันงา น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันสมุนไพรมาชโลมผมและหมักไว้ ผมก็จะเกิดความเงางามและดกดำดี
นอกจากวิธีที่ดิฉันกล่าวมาแล้วนั้น ยังมีการดูแลรักษาเส้นผมให้แข็งแรงสวยงามขึ้นจากภายใน โดยอาศัยการใช้อาหารที่มีฤทธิ์กระตุ้นธาตุลมให้พัดพาโลหิตไหลเวียนไปสู่ด้านบนเพื่อเลี้ยงหนังศีรษะมากขึ้น รวมถึงการเลือกบริโภคอาหารที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำสลวยอย่างเช่น งาดำ เป็นต้น วันนี้ดิฉันจึงเอาใจคนรักเส้นผมด้วยของหวานรับประทานอุ่นท้องอย่าง “บัวลอยสองสี” ที่หยิบเอางาดำและงาขาวมาใช้ควบคู่กับน้ำขิงที่ช่วยขับลมให้โลหิตไหลเวียนได้อย่างปกติมาต้มผสมกับมะตูมซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงเนื้อหนังและยังเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วยรับรองค่ะว่าขนมถ้วยนี้มีทั้งรสอร่อยและช่วยคืนความเงางามสลวยสู่เรือนผมของคุณได้ดีทีเดียวค่ะ
สรรพคุณวัตถุดิบ
- งาดำ งาขาว ช่วยบำรุงเส้นผมทำให้เส้นผมแข็งแรง
- ขิง ช่วยขับลมทำให้เลือดลมเดินสะดวก
- มะตูม บำรุงเนื้อหนัง
บัวลอยสองสี
ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เตรียม 30 นาที ปรุง 45 นาที
ส่วนผสมไส้บัวลอย
- งาดำคั่วบุบพอแตก 50 กรัม
- งาขาวคั่วบุบพอแตก 50 กรัม
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสับหยาบ 30 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง (โอวทึ้ง) 50 กรัม
- น้ำเปล่าเล็กน้อย
ส่วนผสมแป้งบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว 160 กรัม
- น้ำสุกที่เย็นแล้ว ¼ ถ้วย
- กับอีก 3 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำขิงมะตูม
- น้ำเปล่า 1 ลิตร
- ขิงแก่บุบ 100 กรัม
- มะตูมแห้ง 60 กรัม
ส่วนผสมอื่น ๆ
- เม็ดบัวนึ่งสุก แห้วต้มสุกหั่นเต๋า
วิธีทำ
1. ทำไส้บัวลอยโดยใส่น้ำตาลในกระทะเติมน้ำเล็กน้อย รอให้ละลายแล้วใส่งาบดทั้งสองชนิดลงผัดด้วยไฟอ่อนจนเริ่มเหนียวจึงใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไปเคล้า เมื่อผัดไส้ขนมเหนียวพอปั้นได้แล้ว ตักขึ้นใส่ภาชนะพักให้เย็น
2. นวดแป้งบัวลอยโดยผสมแป้งกับน้ำแล้วนวดไปเรื่อยๆ จนเนียนและปั้นได้ ปิดฝาภาชนะ พักแป้งไว้ 15 นาที แล้วนำไปห่อไส้ข้อ 1 ที่เย็นแล้ว นำไปต้มในน้ำด้วยไฟกลาง รอจนลูกบัวลอยสุก โดยสังเกตว่าบัวลอยลอยขึ้นจากก้นหม้อจึงตักข้นึ แช่ในน้ำเย็นแล้วตักขึ้น พักไว้
3. ระหว่างพักแป้ง นำมะตูมไปย่างไฟอ่อนให้หอม แล้วใส่ลงต้มกับขิงและน้ำโดยปิดฝาต้ม รอให้เดือดแล้วหรี่ไฟลง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนอีก 10 นาที จึงตักชิ้นมะตูมและขิงออก ใส่แห้วต้มและเม็ดบัวลงไปต้มสักพัก ปิดไฟ
4. ตักบัวลอยใส่ถ้วย แล้วตักน้ำขิง มะตูม เม็ดบัว และแห้วรับประทานขณะอ่นุ ๆ เป็นประจำ
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 387.53 กิโลแคลอรี
โปรตีน 9.78 กรัม ไขมัน 16.45 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 51.78 กรัม ไฟเบอร์ 2.58 กรัม
โดย อาจารย์วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย
เรียบเรียง : สิทธิโชค ศรีโช ผู้ช่วยกองบรรณาธิการ : ณัชชา ชูชาติ
ภาพ : พีระพัฒน์ พุ่มลำเจียก สไตล์ : พิมฝัน ใจสงเคราะห์