เทคนิค กินวิตามินรวม
กินวิตามินรวม อย่างไรให้ได้ประโยชน์ ? แม้ในปัจจุบัน กลยุทธ์ทางการตลาดเรื่องนำวิตามินหลายๆ ชนิดมารวมกันใน 1 เม็ด นี้จะดูเข้าใจง่ายและสะดวกสบายกว่าเดิมไม่น้อย แต่เราก็ควรรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสารต่างๆ กันสักหน่อย ไม่มีวิตามินตัวใดบํารุงส่วนใดส่วนหนึ่งโดยตรง เราต้องศึกษากลไกของวิตามินแต่ละชนิดที่นํามารวมกัน เราจึงขอจำแนกวิธีการกินวิตามินตามแต่ละวัตถุประสงค์ของผู้บริโภคมาให้ดูกันค่ะ
- วิตามินเพื่อระบบสมอง
เพราะคุณสมบัติโดดเด่นที่มีผลต่อระบบประสาท วิตามินสูตร B Complex หลายสูตรจึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อดูแลการทํางานของสมองโดยเฉพาะ โดยวิตามินที่มีบทบาทสําคัญต่อการทํางานของสมองคือ วิตามินบี1 บี6 บี12 และโคลีน ในส่วนของโคลีนนั้น ที่เรามักได้ยินและเป็นตัวชูโรงในเรื่องความจําและการรับรู้ เพราะเป็นสารตั้งต้นหลักในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความทรงจํา การควบคุมกล้ามเนื้อ แถมยังมีการศึกษาเพื่อนําไปใช้ป้องกันและรักษาโรคความจําเสื่อมด้วย
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขแนะนําปริมาณโคลีนที่เพียงพอต่อร่างกายใน 1 วัน สําหรับผู้ใหญ่ชายและหญิงคือ 550 มิลลิกรัม และ 425 มิลลิกรัมตามลําดับ นอกจากนี้ยังมีการแนะให้กิน B Complex คู่กับน้ํามันปลา เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะมีงานวิจัยหลายเรื่องกล่าวว่า ดีเอชเอ (DHA) ในน้ํามันปลามีส่วนช่วยบํารุงสมอง ให้ทํางานดีขึ้น (และนั่นคือเหตุผลว่าทําไมจึงมีการแนะนําให้กินเนื้อปลาด้วย) ดังนั้นการกินอาหาร เช่น ผักใบเขียว ข้าวไม่ขัดขาว และเนื้อปลา เป็นประจํา ก็มีส่วนช่วยบํารุงสมองได้เช่นกันค่ะ
- วิตามินเพื่อกระดูกและข้อ
ในการกินวิตามินเพื่อบํารุงกระดูกนี้ ไม่ใช่การกินเพื่อให้วิตามินไปบํารุงกระดูกโดยตรง แต่เป็นการกินเพื่อให้วิตามินเข้าไปช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้าง และซ่อมแซมกระดูกและข้อ ซึ่งวิตามินที่เข้าไปช่วยนี้ ได้แก่ วิตามินดี3 วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี และเพราะวิตามินดีทํางานร่วมกับวิตามินเอ วิตามินซี โคลีน แคลเซียม และฟอสฟอรัสได้ดี จึงมีการเติมสารเหล่านี้ในบางผลิตภัณฑ์ด้วย
เมื่อพูดถึงแคลเซียม ยังมีแร่ธาตุอื่นๆ ที่จําเป็นต่อกระดูก ได้แก่ แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสีทองแดง ซึ่งหลายผลิตภัณฑ์ก็มีการนําสารเหล่านี้มาผสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อการดูดซึมแคลเซียม
- วิตามินเพื่อความสวยงามและผิวพรรณ
วิตามินที่มีผลต่อผิวพรรณคือ วิตามินที่เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ ได้แก่ วิตามินเอ ซี อี ซึ่งหากนํามารวมกันก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการกําจัดฟรีแรดิคัลอันเป็นตัวการความเสื่อมของเซลล์ จึงยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการชะลอวัยมากขึ้น ทั้งนี้วิตามินดังกล่าวยังมีประโยชน์ต่อผิวในเรื่องอื่นแตกต่างกันไป อาทิ
วิตามินเอ ช่วยสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรง ช่วยลบจุดด่างดํา ฝ้า กระ รวมถึงช่วยเรื่องสิวและโรคผิวหนังด้วย
วิตามินซีเป็นตัวสร้างคอลลาเจน เร่งให้แผลหายเร็วขึ้นกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิต ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Mutation) จึงช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและปกป้องผิว ที่ถูกทําลายจากแสงแดด รวมถึงช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ด้วย
วิตามินอี เป็นวิตามินแห่งความงาม เพราะทั้งให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ช่วยต่อต้านริ้วรอย เร่งให้แผลหายเร็ว และป้องกันการเกิดแผลเป็น ทําให้ผิวดูนุ่มเนียน สดใส อ่อนกว่าวัยค่ะ
หลายคนอาจกังวลว่าวิตามินเอ ซี และอีเป็นวิตามินต่างชนิดกัน คือ วิตามินซีละลายในน้ํา ส่วนวิตามินเอและอีละลายในน้ํามัน แล้วจะทํางานร่วมกันได้จริงหรือ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วิตามินดังกล่าวสามารถทํางานและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยลําพัง ดังนั้น การกินมัลติวิตามินชนิดเอ ซี และอีจึงไม่มีความเสี่ยงต่อร่างกายในเรื่องฤทธิ์ที่ขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม เพราะมีกลุ่มวิตามินละลายในไขมันจึงจําเป็นต้องกินอาหารที่มีไขมันร่วมด้วย ซึ่งถือเป็น “ยาขม” สําหรับ ผู้รักสวยรักงามทั้งหลาย และวิตามินชนิดนี้อาจไม่เหมาะสมสําหรับผู้มีภาวะนิ่วในไตค่ะ
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 379