จากว่าที่นักกฎหมายสู่เส้นทางสายดนตรี อะตอม – ชนกันต์ รัตนอุดม
ชีวิตจากว่าที่นักกฎหมายสู่เส้นทางสายดนตรี อะตอม – ชนกันต์ รัตนอุดม ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เรื่องของเขามีอยู่ว่า
ตามความฝันด้วยการผลักดันตัวเองสู่การเป็นนักกฏหมาย
“ครอบครัวของผมมี 4 คน ได้แก่ คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว และผม คุณพ่อคุณแม่เป็นนักกฎหมายในองค์กรเอกชน แต่ทั้งคู่ชอบเสียงเพลง ชอบเล่นกีตาร์ ร้องเพลงทำให้ผมซึมซับดนตรีมาตั้งแต่เล็ก ๆ แม้จะชอบดนตรี แต่ก็ยังไม่มากถึงขนาดเรียนดนตรีอย่างจริงจัง จนกระทั่งเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 ผมเห็นเพื่อนคนหนึ่งเล่นกีตาร์ แม้ว่าเขาเล่นมั่ว ฟังไม่เป็นเพลง แต่ผมมองว่าเขาเท่มาก จึงขอเงินคุณพ่อคุณแม่ไปเรียนกีตาร์ ตั้งแต่เริ่มเรียนกีตาร์อย่างจริงจัง เวลา
ว่างผมมักเปิดหนังสือเพลง ฝึกจับคอร์ดแล้วก็ฟังเพลงมากขึ้น แม้จะซึมซับดนตรีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็เป็นเพียงความชอบ ยังไม่ได้ถึงกับอยากจะยึดเป็นอาชีพ
“ช่วงเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนพาไปบ้านพักคนชราที่จังหวัดชลบุรี ผมมีโอกาสเล่นกีตาร์เพลงสุนทราภรณ์ให้คุณตาคุณยายที่นั่นฟัง ผมรู้สึกว่าเสียงดนตรีทำให้พวกเขาตื่นเต้น เหมือนอยากร้องเพลงร่วมสนุก ผมรู้สึกดีมากที่รู้ว่าดนตรีของเราทำให้พวกท่านมีความสุขมากจริง ๆ
“เมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งต้องต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนอะไรต่อ หลายคนอาจคิดว่าผมชอบดนตรี ต้องเลือกเรียนคณะเกี่ยวกับดนตรีแน่นอน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ผมเห็นการทำงานของคุณพ่อคุณแม่ซึ่งดูน่าสนใจ และอาชีพนักกฎหมายก็ดูมั่นคงดีด้วยจึงตั้งเป้าหมายอย่างแน่วแน่ว่าอาชีพนี้คือ อาชีพที่เราจะทำหลังจากเรียนจบ
“ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมหาสถาบันติวเข้มเพื่อสอบตรง ตอนเริ่มไปติว ผมรู้สึกว่าวิธีการเขียนตอบข้อสอบและวิธีคิดแบบนักกฎหมายต่างจากสายอาชีพอื่น ๆ ผมสนุกและคิดว่านี่ละ อาชีพในอนาคตของเราอย่างแท้จริง
“ในที่สุดผมก็สอบติดคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การเรียนมหาวิทยาลัยทำให้การใช้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป
อย่างสิ้นเชิง มีชีวิตที่อิสระมากขึ้น ไม่ต้องกลับบ้าน ไม่มีคุณพ่อคุณแม่คอยจ้ำจี้จ้ำไชเพราะอยู่หอพัก ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน แต่งเพลง ออกไปสังสรรค์ และเล่นดนตรีตอนกลางคืน
“ผมขอเงินคุณพ่อคุณแม่เพื่อไปเช่าห้องอัดสำหรับทำเดโม่ รวบรวมเพลงที่แต่งร้องคู่กับกีตาร์โปร่ง ลองส่งเดโม่ไปตามค่ายเพลงต่าง ๆ แล้วก็ได้เข้ามาเป็นศิลปินในค่ายแกรมมี่ พอเข้ามาอยู่ในแกรมมี่ก็ยังไม่ได้ทำเพลงสักที นัดประชุมสัปดาห์ละสองครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ความฝันเปลี่ยนจากนักกฏหมายสู่เส้นทางสายดนตรี
“ปี 3 เป็นปีที่หนักที่สุดสำหรับนักศึกษากฎหมาย ที่ธรรมศาสตร์จะไม่มีเช็กชื่อเข้าเรียน จะเข้าเรียนก็ได้ ไม่เข้าก็ได้ ไม่มีสอบกลางภาค สอบปลายภาคครั้งเดียว จะสอบผ่านหรือไม่ ตัดสินที่คะแนนสอบปลายภาค100 เปอร์เซ็นต์ครั้งเดียว ไม่มีคะแนนอย่างอื่นช่วย ผมมัวแต่เที่ยวเล่นกับเพื่อน เล่นดนตรีทำกิจกรรมต่าง ๆ จนมาถึงช่วงใกล้สอบ ผม
มองปริมาณหนังสือและเอกสารมากมายที่ต้องอ่าน และกองหนังสือเอกสารต่าง ๆ นี้เองที่เปลี่ยนชีวิตของผม ผมมองนิ่งและเนิ่นนานจนเกิดคำถามกับตัวเองว่า
“แค่เรียนยังต้องเจอเอกสารมากขนาดนี้ แล้วถ้าทำงานเจอแบบนี้อีกมันใช่ตัวเราจริง ๆ หรือ”
“เมื่อถามตัวเองจนแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่รักและอยากทำจริง ๆ คือการเป็นศิลปิน ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายทันที ผมต้องมีอาชีพเป็นศิลปินให้ได้ แต่เรื่องเรียนมาถึงขนาดนี้ผมก็ต้องเรียนให้จบ
“ส่วนดนตรี แม้จะรออยู่นานกว่าจะได้ทำเพลง แต่ก็ไม่ถอดใจ จนในที่สุดเป้าหมายก็กลายเป็นความจริง เพลง พลีส
เพลง อ้าว ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายชีวิตสามารถเปลี่ยนได้เสมอ แม้เปลี่ยนแล้วเจออุปสรรค หากจิตเราเข้มแข็งพอพร้อมจะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวงทุกเป้าหมายก็สามารถเป็นจริงได้เสมอ
เรื่อง ชนกันต์ รัตนอุดม เรียบเรียง อุรัชษฎา ขุนขำ ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
ผู้ช่วยช่างภาพ ณัฐยา วิชัยกุล สไตลิสต์ ณัฏฐิตา เกษตระชนม์
ที่มา: นิตยสาร Secret