น้ำเต้าปูปลา เมนูอร่อยต้านโรคกระเพาะ
โดย อ.วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทยประยุกต์
หลายคนคงเคยมีอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ในบางคนมีอาการดังกล่าวข้างต้นมาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว และอาการค่อยๆเป็นมากขึ้น บางครั้งพอรับประทานผักหรือผลไม้มากๆหรือทดแทนอาหารหนึ่งมื้อ เพื่อที่จะลดน้ำหนักกลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยจนทำให้อึดอัดท้อง ปวดท้อง นอนไม่หลับ
ความไม่สบายเหล่านี้เป็นทุกข์มาก หลายคนหาสาเหตุไม่พบ นานวันระบบการย่อย การขับถ่ายแปรปรวน อาการดังกล่าวเป็นอาการของธาตุไม่ปกติ และก่อให้เกิดอาการของโรคกระเพาะในภายหลัง หรือรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อนแล้วรู้สึกแสบร้อนท้องและคอหรือหน้าอกหรือเรอเหม็นเปรี้ยว เหล่านี้คือ อาการของไฟธาตุกำเริบ เป็นนานเข้าก็ส่งผลให้น้ำย่อย(น้ำที่มีไฟธาตุ)ไปย่อยเนื้อเยื่อกระเพาะอาหารและลำไส้(ธาตุดิน)ทำให้เกิดเป็นแผลอักเสบในภายหลัง
หรือการที่รับประทานแต่อาหารที่มีฤทธิ์เย็นนานเข้าก็ทำให้ไปรบกวนระบบของไฟธาตุในการย่อยอาหารทำให้อาหารย่อยได้ไม่ดี ส่งผลให้มีอาการท้องอืด แน่นท้อง นาน ๆ ก็ทำให้เกิดอาการลมแน่นหรือลมดันขึ้น จนแน่นจุกอก ปวดเสียดท้อง ท้องอืด ไม่สบายท้อง อาการดังกล่าวเกิดจากไฟธาตุในการย่อยนั้นอ่อนแอหรือเรียกว่าไฟธาตุอ่อน เป็นนานวันเข้าทำให้ระบบการย่อย การขับถ่ายผิดปกติหรือเรียกว่าไฟย่อยอาหารแปรปรวนนั่นเอง บางรายส่งผลต่อระบบธาตุอื่นเช่น ธาตุลมกำเริบคือจุกแน่น หน้ามืด ตาลาย หรือธาตุลมหย่อน(อ่อนหรือทำงานน้อยลง)ทำให้เกิดอาการคั่งของการไหลเวียนต่างๆ ส่งผลให้เกิดลมแน่นในท้อง มือเท้าเย็นหรือชา หรือในผู้ที่มีไฟธาตุกำเริบก็จะมีลมดันขึ้น แสบร้อนอก จุกแน่นเพราะลมดัน มึนหรือปวดศีรษะ อาการนี้เป็นอาการเริ่มต้นของโรคกระเพาะอาหารและแผนไทยเอง เปรียบเทียบไว้กับอาการของธาตุไม่ปกติกำเริบหรืออาการใกล้เคียงกับอาการของ “กษัยปู” ในพระคัมภีร์กษัย (กษัยปู เกิดเพื่อโลหิต คุมกันเป็นก้อนดังตัวปูทะเล ตั้งอยู่ในกระเพาะข้าว ปวดขบท้องน้อย กินอาหารทับลงไปก็สงบ สิ้นอาหารก็ให้ขัดในลำไส้ แน่นไปทั้งท้อง เจ็บดังจะขาดใจ) เป็นต้น
อาหารและยาที่เหมาะสมกับคนที่มีไฟธาตุในการย่อยกำเริบจนทำให้ระบบธาตุลมในท้องผิดปกติ(ตามแบบแผนไทย)นั้น ควรเลือกยาหรืออาหาร ที่มีรสฝาด หรือฝาดติดร้อนเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้น้ำย่อย(น้ำไฟธาตุ)ไปกัดกร่อนทางเดินอาหาร รสร้อน ที่ได้จากเครื่องเทศหรือยาแต่ไม่เผ็ดร้อนจัด เพื่อช่วยคุมระบบการย่อยและรักษาสมดุลของไฟธาตุอื่นๆที่มีผลต่อระบบการไหลเวียนต่างๆ(ลม) ทำให้เกิดการขับเคลื่อนได้ดี และอาจมีรสอื่นเช่น รสจืด เพื่อช่วยคุมรสอื่นๆไม่ให้มีฤทธิ์แรงเกินไปและอาจส่งผลถึงอาการไม่พึงประสงค์ได้ เช่น แสบร้อนท้องหรือทำให้ท้องผูกเป็นต้น เติมรสขมเล็กน้อยเพื่อช่วยเสริมการหลั่งน้ำย่อยหรือน้ำดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหารหรือสารอาหารอื่นๆ และต้องรักษาสมดุลธาตุอื่นๆของร่างกายไม่ให้ถูกกระทบจนเสียสมดุลธาตุ
น้ำเต้าปูปลา
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่)
เตรียม 30 นาที ปรุง 10 นาที
เนื้อปลาทับทิมแล่เป็นชิ้นบางลวกสุก 100 กรัม
เนื้อปูนึ่งสุก 2 ช้อนโต๊ะ
ผลน้ำเต้าอ่อนหั่นเต๋าต้มสุก 4 ช้อนโต๊ะ
กล้วยตากหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่ง 8 ผล
ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
ขมิ้นขาวซอย ¼ ถ้วย
ส่วนผสมเครื่องคั่ว
ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นขาวซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นชันตำหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมตำหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำราด ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา น้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะ ใบต้นหอมซอย
วิธีทำ
- คั่วส่วนผสมเครื่องคั่วในน้ำมันมะกอกด้วยไฟอ่อน ๆ จนกรอบ ตักขึ้นพักไว้ คนผสมส่วนผสมน้ำราดรวมกันเตรียมไว้
- จัดส่วนผสมอาหารทุกอย่างใส่ลงในจาน เมื่อจะรับประทาน ราดน้ำราด และโรยเครื่องคั่ว พร้อมเสิร์ฟ
ล้อมกรอบ
- เนื้อปลา เนื้อปู เป็นโปรตีน ที่ย่อยง่ายไขมันต่ำ มีโปรตีนสูง ธาตุอาหารเป็นกลาง
- น้ำเต้า รสจืด มีกากใยที่ดีช่วยปรับธาตุในอาหารไม่ให้เผ็ดร้อนหรือเปรี้ยวจัด เพราะจะทำให้ธาตุไฟมากเกินไป
- ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว รสเผ็ดปร่าฝาดเล็กน้อย ช่วยในการขับลม ช่วยเจริญไฟธาตุและช่วยแก้อาการจุกแน่นอาหารไม่ย่อย รักษาอาการของกระเพาะอาหาร
- กล้วยตากมีรสหวาน ช่วยปรับรสชาติของอาหารให้อร่อยและช่วยในการป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร
- ขิง รสร้อน ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยขับลมแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง อาหารไม่ย่อยท้องอืดเฟ้อ เพิ่มไฟธาตุในการย่อย
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 425.00 กิโลแคลอรี
โปรตีน 28.40 กรัม
ไขมัน 19.50 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 34.80 กรัม
ไฟเบอร์3.00 กรัม