ทวงหนี้อย่างไร ได้ทั้ง “เงิน” ได้ทั้ง “ใจ” คนถูกทวง
มิตรภาพก่อตัวขึ้นได้ด้วยความจริงใจและต้องใช้เวลา แต่อาจพังครืนในพริบตาด้วยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แต่จะทำอย่างไรในเมื่อวันนี้คุณเกิดตกอยู่ในฐานะ“เจ้าหนี้” เข้าเสียแล้ว จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตามที คุณจะมีวิธี ทวงหนี้อย่างไร ให้ได้เงินคืน ยิ่งถ้าทำได้โดยไม่เสียน้ำใจกันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนใจไม่น้อย
1.ใจกล้าเข้าไว้ เงินของเราต้องเอากลับมา
หลายคนมักไม่กล้าเอ่ยปากถามถึงเรื่องหนี้ที่อีกฝ่ายติดค้าง เพราะเกรงใจ กลัวลูกหนี้จะโกรธ กลัวจะกระทบกระเทือนมิตรภาพและความสัมพันธ์ ยิ่งถ้าเป็นเจ้านาย เพื่อนฝูง ญาติ หรือคนรัก ยิ่งไม่กล้าทวง ในกรณีนี้ถ้าเป็นเงินจำนวนไม่มาก ไม่คุ้มแน่ๆ กับความรู้สึกที่ต้องเสียไป คุณอาจจะเลือกปล่อยผ่าน คิดว่า “ครั้งเดียวช่างมัน”
แต่หากเงินก้อนนั้นมีความหมายสำหรับคุณหรือครอบครัวคุณก็ต้องเริ่มฝึกตนเองให้มีความกล้า และทำใจแข็งให้ได้ก่อน คิดเสียว่าการให้ยืมเงินเป็นการให้ความช่วยเหลือก็จริง แต่ก็ไม่ต่างจากการทำธุรกิจ อย่างน้อยถ้าไม่มีกำไร (ดอกเบี้ย) เข้ามา ผู้ลงทุนอย่างคุณก็ควรต้องได้ทุนคืนบ้าง ไม่ใช่หนี้สูญ
2. ให้เกียรติลูกหนี้เสมอทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ไม่ว่าลูกหนี้จะเป็นใคร สิ่งสำคัญคือต้องให้เกียรติเขาเสมอ เพราะการเป็นหนี้ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นต้องถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นคนลงไปด้วย เขายังมีชีวิตด้านอื่นๆ มีบทบาทในสังคมหลายด้าน เช่น เป็นผู้นำของครอบครัวมีหน้ามีตาในที่ทำงาน การเปิดเผยว่าเขาเป็นหนี้อาจทำให้เขาต้องเสียภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์สร้างสมมานานได้
ดังนั้น ถ้าคิดจะพูดคุยเรื่องหนี้สินที่ติดค้างก็ควรทำเป็นการส่วนตัวและทำอย่างสุภาพ แต่ก็ต้องหนักแน่นในจุดยืนของเราด้วย เช่น ส่งอีเมล คุยทางโทรศัพท์ หรือพบปะกันเป็นการส่วนตัว
3. ตั้งสติ คิดให้ดีก่อนที่จะพูด
การเริ่มพูดคุยต้องมีการสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อลดความตึงเครียดให้ลูกหนี้ หรือถ้าเป็นเพื่อนกันก็หาจังหวะทวงถามแบบเนียนๆ เช่น คราวที่แล้วเราจ่ายไป คราวนี้เธอจ่ายให้เราบ้างนะ
แต่ถ้าหากเป็นเงินจำนวนมาก บริบทการพูดคุยก็ควรต้องเพิ่มการชื่นชมความสามารถของเขาบ้าง เพื่อเป็นการให้กำลังใจก่อนว่าด้วยความสามารถที่เขามี คุณเชื่อว่าเขาต้องปลดหนี้ได้แน่ ๆ
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป