หลัก การเลี้ยงลูกที่ดี ด้วย 4 วิธีเปลี่ยนคุณเป็นคุณพ่อ คุณแม่ในฝัน
การเลี้ยงลูกที่ดี ของแต่ละบ้านอาจะแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่า สิ่งที่คล้ายกัน คือพ่อแม่หลายคนยอมสละทุกสิ่งและพยายามสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอย่างไม่ลดละ แต่คุณอาจไม่ทันคาดคิดว่า ความรักความหวังดีที่คุณมอบให้นั้นได้สร้างบาดแผลในใจของลูกโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว
เพื่อให้คุณรู้เท่าทันและมองเห็นทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในใจของลูก Secret ขอเสนอ 4 วิธีสังเกตตัวเอง พร้อมแนวทางแก้ไขที่จะนำไปใช้ได้จริง
คุณเป็นคุณพ่อคุณแม่ขี้บ่นหรือเปล่า
ไม่ว่าคุณจะบอกหรือสอนสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกสักกี่ครั้ง เขาก็ยังเบื่อหน่าย ทำหูทวนลม หรือเมินหน้าหนี มิหนำซ้ำยังบอกกับคุณว่า “พ่อ/แม่พูดหลายรอบแล้วนะ เลิกบ่นซะทีเถอะ หนูเบื่อ!” ซึ่งทำให้คุณรู้สึกน้อยใจ เสียใจ จนอาจถึงขั้นมีปากเสียงกับลูก และเหตุการณ์เดิม ๆ นี้ยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนสุดท้ายอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาครอบครัวใหญ่โตได้
ทางแก้ไข แน่นอนว่าทุกคำพูดที่คุณพร่ำสอนเกิดจากความรัก ความห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูกด้วยใจอันบริสุทธิ์ แต่อยากให้คุณลองสังเกตก่อนว่า วุฒิภาวะและอารมณ์ของลูกในขณะนั้น เหมาะสมหรือมีความพร้อมมากพอที่คุณจะพูดสั่งสอนเขาแล้วหรือยัง การรอให้ลูกพร้อม แล้วคุณเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเขาอย่างเป็นมิตรและลงนั่งคุยกันอย่างเปิดอก จะช่วยให้ลูกยอมรับ เชื่อฟัง และเข้าใจในเจตนาดีของคุณได้อย่างลึกซึ้งมากกว่า และแน่นอนว่าการสอนด้วยวิธีนี้เพียงครั้งเดียว ลูกก็จะจดจำและปฏิบัติตามคำสอนของคุณตลอดไปอีกด้วย
คุณเผลอโมโหบ่อยเกินไปไหม
เข้าใจว่าคุณต้องทำงานประจำที่แสนเหนื่อยหน่ายตลอดทั้งวัน ตกเย็นก็ยังต้องทำงานบ้านที่มีมากมายอีก มิหนำซ้ำลูก ๆ ยังดื้อ กวนใจ ไม่ยอมเชื่อฟังคุณเอาซะเลยจึงไม่น่าแปลกใจหากคุณจะโมโหและหงุดหงิดง่าย หลาย ๆ ครั้งคุณอาจเผลอขึ้นเสียงดัง ตวาด รวมทั้งแสดงอาการเกรี้ยวกราดด้วยการตีหรือดุด่าลูกแรง ๆ แม้คุณจะรู้ว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งผิด และกลับมาคิดเสียใจทีหลังทุกครั้ง แต่เมื่อเหตุการณ์แบบเดิมเกิดซ้ำขึ้นอีก คุณก็ไม่สามารถระงับความโกรธได้เลยสักครั้งเช่นกัน
ทางแก้ไข สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการมีสติอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งทำได้ง่ายหลากหลายวิธี เช่น การสูดลมหายใจเข้า – ออกลึก ๆ หรืออาจนับเลข 1 – 10 ในใจทุกครั้งที่เริ่มโมโห ซึ่งการกำหนดสติเช่นนี้จะช่วยระงับใจให้เย็นลงได้ ทั้งยังช่วยให้คุณมีเวลาใช้ปัญญาพิจารณาว่า อาการเกรี้ยวกราดในวันนี้จะส่งผลร้ายต่ออนาคตของลูกอย่างไร และสิ่งสำคัญที่อยากให้คุณคิดทบทวนดูสักนิดคือ ต้นเหตุที่ทำให้คุณยอมเหนื่อยและทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้คือแก้วตาดวงใจคนนี้ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมไม่ให้เขาพบเห็นและได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดจากคุณกันล่ะ
ชมลูกคนนี้ ติลูกคนนั้น ใช่หรือเปล่า
คุณมักชมและเอาใจใส่ลูกที่เรียนหนังสือเก่งมากกว่าลูกอีกคนเสมอ เพราะคุณคิดว่า ถ้าชมเฉพาะลูกที่เรียนเก่ง จะทำให้ลูกอีกคนหนึ่งพยายามขยันเรียนมากยิ่งขึ้น แต่เอาเข้าจริงมักไม่เป็นอย่างที่คุณคิด เพราะนอกจากลูกที่เรียนไม่เก่งจะยิ่งเรียนแย่ลงแล้ว เขายังดื้อมากยิ่งขึ้นจนอาจารย์ที่โรงเรียนต้องขอให้คุณเข้าพบเสมอมิหนำซ้ำเขายังแสดงอาการไม่น่ารักมากขึ้นกว่าเดิม จนบางครั้งคุณเริ่มยอมแพ้ คิดจะปล่อยลูกคนนี้ไปตามยถากรรมให้รู้แล้วรู้รอดเลยด้วยซ้ำ
ทางแก้ไข สิ่งสำคัญที่คุณควรทำเป็นอย่างแรกคือ พยายามทำความเข้าใจในตัวลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเด็กแต่ละคนมีนิสัยและความถนัดที่แตกต่างกัน แม้จะเลี้ยงดูมาเหมือนกันก็ตาม เช่น บางคนชอบอ่านหนังสือและชอบพูดคุยกับผู้ใหญ่ในขณะที่อีกคนอาจจะเก่งด้านศิลปะและไม่ถนัดที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ก็เป็นได้คุณควรแสดงออกอย่างเป็นกลาง เพื่อให้ลูกทุกคนรู้สึกว่าคุณรักพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งไม่ควรพูดจาเชิงชมเชยหรือต่อว่าลูกคนใดคนหนึ่งเด็ดขาด เพียงเท่านี้ลูกก็จะสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพราะเขาจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและได้รับความรักจากคนที่เขารักอย่างเต็มเปี่ยมเท่าเทียมกัน
ตามใจ ให้ทุกสิ่ง คุณรักลูกหรือรังแกลูกกันแน่
คุณให้ความรักกับลูกอย่างเต็มที่เพียงลูกเอ่ยปากว่าอยากได้สิ่งใด คุณก็พยายามให้อย่างไม่มีข้อแม้ โดยคิดแต่เพียงว่า ทุกสิ่งที่มอบให้ลูกจะต้องดีที่สุดเสมอ เพื่อน ๆ หลายคนเตือนว่า “ทำไมไม่ยอมให้ลูกทำอะไรเองเลย เลี้ยงแบบไข่ในหินอย่างนี้ โตขึ้นมาก็ทำอะไรไม่เป็นกันพอดี” แต่คุณก็ไม่สนใจ เพราะคุณกลัวว่าถ้าปล่อยให้ลูกทำอะไรเอง อาจเกิดความผิดพลาด ซึ่งแน่นอนคุณจะโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง และอาจไม่ให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต
ทางแก้ไข การให้ความรักต่อลูกอย่างเต็มที่ไม่ใช่สิ่งผิด แต่คุณควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่า ความรักที่คุณมอบให้นั้นเป็นความรักที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ได้ไหม หรือเป็นเพียงการมอบความรักแบบชั่วคราวซึ่งจะส่งผลร้ายมหันต์ต่อลูกในอนาคต หากรักของคุณจะทำให้ลูกต้องลำบากในวันข้างหน้าก็ควรรีบปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ ซึ่งหัวใจสำคัญคือ ต้องสอนให้ลูกรู้จักอดทนและเข้มแข็ง โดยอาจเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยรอบตัวไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ ในชีวิตของเขาทั้งนี้คุณควรเป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษาและสังเกตการณ์เท่านั้น ให้เขาได้แก้ไขปัญหาด้วยตนเอง แม้บางครั้งจะเกิดความผิดพลาดแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทั้งคุณและลูกจะได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
ผลของความพยายามและมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเต็มที่ นอกจากจะทำให้คุณเป็นคุณพ่อ คุณแม่ในฝันของลูกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก็จะเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีสิ่งใดทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่มีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว…
บทความที่น่าสนใจ
เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นฆาตกร