Dhamma Daily :คนธรรมดาที่ ยังมีห่วงอย่างเรา ๆ จะถึงนิพพานกันได้อย่างไรคะ
ถาม:
คนธรรมดาที่ยังมีห่วงอย่างเรา ๆ จะถึงนิพพานกันได้อย่างไรคะ
ตอบ:
คนธรรมดาที่เป็นฆราวาสถึงนิพพานเยอะแยะไป อย่างพระเจ้าสุทโธทนะเองไม่ได้บวช แต่ก็ถึงพระอรหันต์ หรือฝรั่งบางคนแม้จะไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธ แต่ถ้าปฏิบัติได้ถูกทางก็หลุดพ้นได้
คนที่อยากจะถึงนิพพานจริงๆ จำต้องอาศัยการปรารภความเพียร และความพยายามเป็นตัวช่วยนะ ไม่งั้นคงถึงได้ยาก ถ้าหากอยากเริ่มต้นปูทางไปนิพพานตั้งแต่วันนี้ ก็ลองเริ่มทำนิพพานน้อยๆ ที่เรียกว่า ตทังคนิพพาน หรือ นิพพานชั่วขณะ (ภาวะของกิเลสเกิดขึ้นและดับไปชั่วขณะด้วยอำนาจของฌาน) ดูก่อนก็ได้ เช่นเวลาใจเร่าร้อนแล้วเรารู้เท่าทันตัวเองจนเห็นความเร่าร้อนที่ดับไป ก็ถือว่าเป็นนิพพานน้อยๆ ได้เหมือนกัน
ไฟไหม้เราใช้น้ำดับได้ แต่เวลาใจของเราถูกแผดเผาให้เร่าร้อน ทุรนทุราย จากไฟพิเศษที่เรียกกันว่าไฟบรรลัยกัลป์จะนั่งที่ไหนก็ร้อน…ในน้ำก็ร้อน ห้องแอร์ก็ไม่เย็น…จะใช้อะไรดับก็ไม่ได้ ต้องมีอุปกรณ์ในการดับ คือใจของผู้ถูกเผาเองนั่นละ
ในตัวของเรามีไฟอยู่สามกองที่เรียกว่าไฟกิเลส กองแรกคือราคะ ตั้งแต่เช้าถูกไฟกองนี้เผามาบ้างไหม อยากทานอะไรสักอย่าง อยากดูหนัง ดูละคร ซื้อนั่นนู่นนี่ กองที่สองคือโทสะความขัดใจ จากบ้านมาถึงที่ทำงาน ขัดใจคนที่บ้าน เพื่อนที่ทำงาน เจ้านาย ลูกน้องบ้างหรือเปล่า หรือที่โรงเรียนมีเพื่อนมาขัดใจเราบ้างไหม กองสุดท้ายคือโมหะ ความลุ่มหลง ทำให้คนจมติดอยู่กับเรื่องบางเรื่อง เช่น จมอยู่กับอบายมุข เล่นการพนันขันต่อ เที่ยวเตร่เฮฮา เป็นต้น
อุบายง่ายๆ สำหรับคนที่อยากดับไฟสามกองนั้นคือ ให้ใช้ใจที่เป็นทุกข์มาดับความทุกข์
คนส่วนมากเป็นทุกข์เพราะเอาใจไปผูกไว้กับใครคนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็มาตีจากเราไป หรือเวลาโดนใครคนใดคนหนึ่งใส่ร้ายป้ายสี ครอบครัวพลัดพราก คนรักตีตัวจาก อยากได้สิ่งใดแล้วไม่ได้ ไม่อยากได้แต่ดันได้ ยิ่งถ้าเป็นฝ่ายที่ถูกตีจาก ถูกด่าว่าใส่ร้าย ถูกทิ้ง ยิ่งสะเทือนใจ คิดถึงเวลาใด ระทมใจเวลานั้น
ความทุกข์เกิดจากความดำริหรือความคิด คิดถึงสิ่งที่ทุกข์ใจเลยทุกข์ ทางแก้ไขคือ หยุดคิดถึงสิ่งนั้นแล้วจะไม่เป็นทุกข์ วันใดที่เราสามารถทำไฟกิเลสที่มันร้อนๆ ให้เย็นลงได้ หมายถึงเราเริ่มเข้าถึงการดับทุกข์ได้ เข้าสู่ความสงบเยือกเย็นได้…ก็เรียกได้ว่าเป็นนิพพานน้อยๆ ได้แล้ว…เลิกคิด เลิกทุกข์นี่ละคือนิพพานในชีวิตประจำวันที่ทำได้ง่ายและทำได้ทุกคน
การเจริญสติและวิปัสสนาคือทางสายเอก เป็นสายสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถเห็นความคิดของตัวเองเกิดและดับได้ คือเกิดแล้วมองเห็นทัน ดับแล้วใส่ใจทัน แค่นี้ก็พอ พอมองดูทันก็จะวางเฉยไม่เอาทั้งบุญทั้งบาป ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ ก็สามารถหยุดได้ถาวร หรือก็คือถึงซึ่งนิพพาน (ของแท้) นั่นเอง!
เราทุกคนสามารถปูทางเข้าสู่กระแสพระนิพพานได้ แค่เริ่มเดินจงกรม นั่งสมาธิ ดูใจทุกวันเวลา…เป็นสิ่งที่ทำง่ายๆแต่ส่วนมากไม่ยอมทำกัน เดินไหม ไม่เดิน ดูใจไหม ไม่ดู ถ้าไม่พากเพียรทำอย่างจริงจัง หรือทำแค่วันละนิดวันละหน่อยอย่างไรก็ไปถึงนิพพานในชาตินี้ไม่ทัน คงได้แต่เป็นอุปนิสัย เป็นบารมีสั่งสมไปเท่านั้น…
พระอาจารย์ขอเตือนว่า ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด อย่างไรก็ควรจะทำให้ได้ในชาตินี้นะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
ธรรมะจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
หากผู้อ่านมีปัญหาหนักใจ ต้องการคำแนะนำแฝงด้วยแนวคิดทางธรรม สามารถส่งคำถามมาได้ที่
บทความน่าสนใจ
การบวช ไม่ใช่หนทางเดียวสู่ มรรคผล นิพพาน ธรรมะจาก ท่าน ว.วชิรเมธี
ท่านพ่อลี ธัมมธโร สอนเรื่องนิพพาน
นิพพานเทียม สำหรับคนที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ โดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปัญโญ
ปัญหาธรรมประจำวันนี้: หากมีสามีแล้ว แต่ อยากนิพพาน ดิฉันควรจะวางตัวอย่างไรดี