โรคมะเร็ง

เปิดตำราหมอ ฮิปโปเครตีส ผู้บัญญัติศัพท์ “Cancer” หรือมะเร็ง คนแรกของโลก

เปิดตำราหมอ ฮิปโปเครตีส

ฮิปโปเครตีส เป็นผู้ริเริ่มความเชื่อเรื่องการรักษาโรคโดยการปรับวิถีชีวิต เขาเชื่อว่า ร่างกายของมนุษย์สามารถรักษาตัวเองได้ตามธรรมชาติ โรคต่าง ๆ จึงสามารถหายได้โดยไม่ต้องวอนขอจากเทพเจ้า

แนวทางการรักษาโรคตามแบบของเขา จึงมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองด้วยการกินอาหารสะอาด ดูแลความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม อันเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการดูแลสุขภาพที่เชื่อว่า มนุษย์ ทุกคนคือหมอรักษาตัวเอง

กรีซ…ดินแดนแห่งตำนาน บิดาการแพทย์ยุโรป

ย้อนกลับไปยังสมัยกรีกโบราณเมื่อกว่าพันปีก่อน จุดเริ่มต้นของการแพทย์แผนปัจจุบันได้ก่อกำเนิดขึ้น จากแนวคิดของ ฮิปโปเครตีส (Hippocrates) นักปราชญ์ชาวกรีก ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “บิดาแห่งวิชาการแพทย์” (Father of the Medicine)

ฮิปโปเครตีสเกิดในช่วง 460 ปีก่อนคริสตกาล ที่เกาะโคส (Cose) ประเทศกรีช เขาคือผู้ปฏิวัติความเชื่อของชาวกรีกโบราณ ที่มนุษย์ต่างนิยมการบูชาเทพเจ้าและมีความเชื่อว่า โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการลงโทษของเทพเจ้า

การรักษาผู้ป่วยในสมัยก่อนจึงมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากทุกวันนี้ คือเมื่อเจ็บป่วยชาวกรีกโบราณจะใช้วิธีการรักษาโรคโดยการสวดมนต์วิงวอนและทำพิธีกรรมบูชาเทพเจ้า โดยผู้ป่วยจะต้องเดินทางไปยังโบสถ์ของเทพเอสกลีเพียส ซึ่งเป็นเทพแห่งการแพทย์ตามความเชื่อของชาวกรีก หลังจากนั้นจะต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุตรของเทพเอสกลีเพียส โดยมีทั้งวิธีการรักษา การสวดมนต์ อดอาหาร อาบน้ำชำระร่างกาย และทำพิธีบูชายัญ

ทว่าฮิปโปเครตีสได้ทำลายความงมงายของผู้คน พร้อมทั้งวางหลักการวินิจฉัย โรคด้วยวิธีการแบบการแพทย์สมัยใหม่ โดยก่อนจะรักษาอาการใด ๆ ต้องมีการค้นหาเหตุของโรค จดบันทึกอาการ และสอบถามถึงประวัติส่วนตัวของผู้ป่วยอย่างละเอียด อันเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาโรคตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน

เปิดตำราหมอ ฮิปโปเครตีส ผู้บัญญัติศัพท์ “Cancer”

นอกจากแนวคิดด้านการรักษาผู้ป่วยแล้ว หนังสือเรื่องสู้มะเร็งด้วยหลินจือ เขียนโดยนายแพทย์สุรพล รักปทุม ได้กล่าวถึง ประวัติของฮิปโปเครตีสไว้ว่า ผลงานโดดเด่นของฮิปโปเครตีส คือการเป็นผู้บัญญัติศัพท์คำว่า “Cancer” หรือมะเร็ง เป็นคนแรกของโลก

Cancer มีที่มาจากคำว่า “คาร์คินอส” หรือ “คาร์ซินอส” ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ปู ซึ่งเปรียบเหมือนลักษณะการโตของ ก้อนมะเร็งที่มีการลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบ ๆ เหมือนขาปู

การรักษามะเร็งตามแบบของฮิปโปเครตีสจะเน้นการรักษาที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่นิยมการ ผ่าตัดให้ผู้ป่วยทันที หากยังไม่ทราบว่ามะเร็งมีการแพร่กระจายไปถึงส่วนใดอย่างแน่ชัด แต่จะเน้นให้ร่างกายของผู้ป่วยได้เยียวยาตัวเองก่อน

และด้วยความเชื่อที่ว่า ร่างกายประกอบไปด้วยธาตุ 4 อย่าง คือ โลหิต เสมหะ น้ำดีสีเหลือง และน้ำดีสีดำ การรักษาโรค ให้หายจึงเป็นการสร้างความสมดุลให้ธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย ด้วยการขับของเหลวส่วนเกินออกไป

นี่จึงกลายเป็นต้นกำเนิดของการใช้พืชสมุนไพรในการรักษาอาการต่าง ๆ เช่น ใช้ขับเลือด ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ และใช้เป็นยาถ่าย ซึ่งมีการบันทึกไว้ในตำรายาของชาวกรีก และทำให้เกิดการพัฒนาด้านเภสัชกรรมในเวลาต่อมา

จุดเริ่มต้นจรรยาบรรณแพทย์

ไม่เพียงแต่การทำประโยชน์ในฐานะแพทย์ผู้ช่วยชีวิตของมวลมนุษยชาติ แต่เขายังได้ชื่อว่า เป็นผู้ริเริ่มการกล่าวคำปฏิญาณ สำหรับนักศึกษาแพทย์ที่เรียกว่า “Hippocratic Oath” ซึ่งได้กลายเป็นจรรยาบรรณที่แพทย์ในยุคปัจจุบันต้องยึดถือ

สาระสำคัญของ Hippocratic Oath มีใจความเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์สุขของผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแล โดยต้องไม่เพิ่มความทรมานให้ผู้ป่วย เช่น ไม่ใช้ยาที่เป็นพิษต่อร่างกายของผู้ป่วย ไม่ทำแท้งให้สตรี

อีกทั้งหากยังขาดความชำนาญ แพทย์ไม่ควรรักษาผู้ป่วย ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่นำเรื่องของคนไข้มาเผยแพร่ และ รักษาสัตย์ในการเยี่ยมเยียนผู้ป่วยที่บ้าน เพื่อจุดประสงค์ในการดูแลผู้ป่วยเท่านั้น โดยไม่สร้างความเสียหายใด ๆ มีความสำรวม ไม่ล่วงเกินคนไข้

แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้าไปมากเพียงใด แต่จรรยาบรรณที่ได้รับการถ่ายทอดยังเป็นสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนใจแพทย์ทุกยุคสมัยเสมอมา

หมอมะเร็งคนแรกของโลก

ยุคกรีกเป็นยุคที่มีการพูดถึงโรคมะเร็งอย่างแพร่หลาย โดยหมอที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอด้านมะเร็งคนแรกของโลก คือ หมอชาวกรีก ชื่อกาเลน (Dr. Galen) หมอกาเลนสนใจเรื่องการผ่าตัดอย่างมาก ว่ากันว่าเขาเป็นผู้ริเริ่มการผ่าตัดสมองและผ่าตัดต้อกระจกในยุคสมัยกรีกโบราณที่ไม่มีใครกล้าทำ

อีกทั้งยังสนใจการทดลองต่าง ๆ โดยเฉพาะการทดลองใช้พืชสมุนไพรเพื่อรักษาอาการผิดปกติในสัตว์ ก่อนจะนำมาใช้กับมนุษย์ จนกระทั่งเขาได้ค้นพบหลักการรักษาโรค 2 แบบ คือรักษาโรค โดยสิ่งที่มีคุณสมบัติตรงข้ามกับโรค และรักษาโรค โดยตัวยาที่เหมือนกับโรค

ข้อมูลจาก นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 346

5 วิธีรักษาโรคมะเร็ง แบบแพทย์แผนปัจจุบัน

เนื่องจากยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่มีการแบ่งตัว ทำให้ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเซลล์ปกติที่กำลังแบ่งตัว เช่น เซลล์รากผม เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร กับเซลล์มะเร็งที่มีการแบ่งตัวได้ ทำให้เกิดผลข้างเคียง

การพัฒนายาเคมีบำบัดในปัจจุบันนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เซลล์มะเร็งตอบสนองต่อการรักษามากขึ้น รวมถึงช่วยให้ผลของการรักษาที่จำกัดเฉพาะเซลล์มะเร็ง โดยมีผลต่อเซลล์ปกติอื่น ๆ น้อยที่สุด เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้

1. การรักษาแบบมุ่งเป้า

คุณหมอธีรภัทรอธิบายว่า การรักษาแบบมุ่งเป้า (Target Therapy) เป็นการรักษาโรคมะเร็งที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง โดยให้ยา หรือสารไปยับยั้งกระบวนการส่งสัญญาณระดับเซลล์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง

ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีตัวรับหรือเป้าหมาย (Target) ที่ตอบสนองต่อยา โดยก่อนเข้ารับการรักษา แพทย์จะต้องทำการตรวจผู้ป่วยก่อนว่ามียีนหรือตัวรับที่สามารถใช้รักษาได้หรือไม่

2. ภูมิคุ้มกันบำบัด

เนื่องจากโรคมะเร็งทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายไม่สามารถตอบรับการรักษาด้วยยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวกลับมาทำงานเป็นปกติ สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งมีการนำไปใช้รักษากันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ แต่สำหรับในประเทศไทยอาจต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-5 ปี เพื่อดำเนินการขอการรับรองจากองค์การอาหารและยา

3. ฮอร์โมนบำบัด

คือการรักษาโรคมะเร็งด้วยการให้ยาฮอร์โมนเข้าไปยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งเต้านมโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

4. วัคซีนรักษาโรคมะเร็ง

วัคซีนรักษาโรคมะเร็ง นั้นมีความเเตกต่างจากวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคไวรัสตับอักเสบ ซึ่งวัคซีนรักษาโรคมะเร็งนี้ผลิตขึ้นจากเซลล์มะเร็ง หรือชิ้นส่วนของเซลล์มะเร็ง หรือแอนติเจนของเซลล์มะเร็ง เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง และมีแอนติบอดีที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ปัจจุบันวัคซีนที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาคือวัคซีนรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

5. การรักษาแบบใช้ยาเฉพาะบุคคล

หลังจากโลกคิดค้นวิธีการถอดจีโนมระดับดีเอ็นเอเฉพาะรายได้สำเร็จ ซึ่งนำไปสู่การรักษาแบบใช้ยาเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสมกับยีนของแต่ละคน ทำให้การรักษามีความเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาและการแพ้ยาได้

บทความอื่นที่น่าสนใจ

การแช่เท้าด้วยยาจีนช่วย แก้ปวดประจำเดือน

17 วิธีตรวจ เนื้องอก ด้วยตัวเอง ฉบับสาวทำงาน

เดินเร็ว ช่วยป้องกันกระดูกเสื่อมได้จริง

แดเนียลแพลน สูตรลดอ้วน ข้ามศตวรรษ

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.