น้ำกัดเท้า โรคยอดฮิตที่มากับน้ำท่วม ไม่ระวังอาจติดเชื้อในกระแสเลือดได้!
ช่วงนี้ฝนตก หลายที่มีน้ำท่วมขัง จนทำให้เกิดอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพตามนั่นคือ น้ำกัดเท้า ที่หลายคนคิดว่าเรื่องเล็กๆ แต่ความจริงไม่เล็กนะคะ เพราะทำเป็นแผลมีหนองได้เลย
น้ำกัดเท้าคือ ?
น้ำกัดเท้า เกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังเปื่อย ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากแช่น้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อผิวหนังเปื่อยก็จะทำให้หนังกำพร้าหลุดออก หรือเกิดรอยแตกทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนั้นยังทำให้เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเติบโตได้ง่าย
อาการของน้ำกัดเท้า
แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ระยะแรก เกิดในช่วง 1-3 วันแรก ผิวหนังเปื่อย มีลักษณะแดง คัน แสบ
ระยะที่ 2 ช่วง 3-10 วัน อาจมีติดเขื้อแบคทีเรีย ผิวหนังบวมแดง ปวดเจ็บ มีหนองหรือน้ำเหลืองซึม
ระยะสุดท้าย 10 – 20 วัน ถ้ายังแช่นน้ำอีก ผิวก็จะแดง คัน มีขุยขาว เปียกและเหม็น ผิวหนังเปื่อยเป็นสีขาว อาจติดเชื้อรา
แม้อาการจะดูไม่รุนแรง และเราก็ได้ยินกันมาแต่เด็กถึงโรคนี้ แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวาน โรคตับ หรือโรคไตเรื้อรัง การเป็นน้ำกัดเท้าจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างดี เพราะอาจทำให้ลามกลายเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที
ส่วนคนที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือภูมิแพ้อยู่แล้ว อาการน้ำกัดเท้าก็อาจจะรุนแรงกว่าคนอื่นๆ ทั่วไป
การรักษา
- หลังขึ้นจากน้ำให้ล้างเท้าด้วยน้ำสบู่ เช็ดเท้าและง่ามนิ้วให้แห้ง
- ถ้ามีผื่นแดงเล็กน้อย คัน แสบ ให้ทายารักษาน้ำกัดเท้าวันละ 2 ครั้งจนกว่าจะหาย
- ถ้ามีผื่น และรอยแผลเปื่อยฉีก บวม แดง เจ็บ หรือมีหนองให้รีบไปพบแพทย์
- ถ้าแช่น้ำนานต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ควรใช้ยารักษาเชื้อราทา
- ถ้ามีบาดแผลควรทายาฆ่าเชื้อ
สำหรับการป้องกันโรคน้ำกัดเท้า หากไปแช่น้ำมา ก็ควรทำความสะอาดฟอกสบู่เพื่อฆ่าเชื้อโรค เช็ดให้แห้ง อาจใส่ยาฆ่าเชื้อ หรือเบตาดีนเช็ดเพื่อฆ่าเชื้อโรคอีกด้วย
ข้อมูล RAMA Channel, กรมการแพทย์
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ดูแล “เท้า” ตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะไม่มีเท้าให้ดูแล
แช่เท้า รักษาสุขภาพ ช่วยผ่อนคลาย หายเครียด
โรคไข้ฉี่หนู โรคร้ายที่มาพร้อมฝน แนะหลีกเลี่ยงเดินลุยน้ำย่ำโคลน