ดูแล “เท้า” ตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะไม่มีเท้าให้ดูแล
การดูแลสุขภาพเท้า เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ “เท้า” เป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานอย่างหนัก แต่มักถูกมองข้าม และไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่สมกับการใช้งานของมนุษย์ ปัญหาของเท้าที่พบบ่อยมีทั้งปัญหาของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อของเท้าโดยตรง ปัญหาทางระบบประสาท และระบบหลอดเลือดซึ่งมักเป็นผลจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้คล่องตัวนัก และหากเป็นมากอาจถึงขั้นสูญเสียอวัยวะส่วนขาและเท้าได้
ปัญหาของเท้าที่พบบ่อย
-เดินไม่สบาย ปวดฝ่าเท้า ปวดส้นเท้า
-รองเท้ากัด มีแผลที่เท้า
-ปวด บวมแดงที่เท้าหลังเล่นกีฬา
-เล็บขบ
-หนังด้านแข็ง ตาปลา
-เท้าผิดรูป เช่น เท้าโก่ง เท้าแบน
-แผลเบาหวาน
-รู้สึกไม่สุขสบายกับรองเท้าคู่ประจำ
เราใช้เท้าทำงานหนักในแต่ละวันจึงควรดูแลเท้าให้มีสุขภาพดี หลักการดูแลเท้าทำได้ดังนี้
สิ่งที่ควรปฏิบัติในการดูแลเท้าทุกวัน
- ล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ
- เช็ดเท้าให้แห้งทันที โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า
- ถ้าผิวแห้ง ทาครีมบางๆ ให้ทั่วทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า แต่ไม่ทาบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจเกิดการหมักหมมได้
- ถ้าเล็บยาวตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธีโดยตัดตามแนวขอบเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บเซาะเข้าไปทางด้านข้างของเล็บ
- ถ้าอากาศเย็นให้ใส่ถุงเท้านอน
- ใส่รองเท้าตลอดเวลาแม้นจะอยู่ในบ้านก็ตาม
- ใส่รองเท้าที่เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ
- ออกกำลังเพื่อบริหารข้อเท้าและกล้ามเนื้อเท้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้า
การเลือกรองเท้าที่เหมาะสม
- เลือกแบบที่ปลอดภัยกับเท้า ปัจจุบันมีรองเท้าหลายแบบและหลายรูปทรงให้เลือก ควรลองรองเท้าลักษณะต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ รองเท้าที่เหมาะสมไม่ควร มีตะเข็บแข็งอยู่ด้านในและไม่ควรเลือกแบบที่ใส่แล้วคับเกินไป หลวมเกินไป หรือมีส่วนของรองเท้ากดหรือเสียดสีกับเท้า
- เลือกแบบของรองเท้าที่เหมาะสมกับรูปเท้า เลือกรูปทรงรองเท้าที่เหมาะสมและมีลักษณะใกล้เคียงกับรูปเท้าของเราก่อน แล้วจึงลองขนาดของรองเท้า
- ไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนของขนาดรองเท้า รองเท้าเบอร์เดียวกันจะมีขนาดต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ แม้รองเท้ายี่ห้อเดียวกัน ถ้ารูปทรงต่างกันขนาดก็แตกต่างกัน ดังนั้นห้ามซื้อรองเท้าจากการดูเบอร์ ต้องลองสวมรองเท้าก่อนซื้อทุกครั้ง
- วัดขนาดเท้าทั้งสองข้างก่อนเลือกซื้อรองเท้าเสมอ เท้าคนเราเปลี่ยนแปลงได้ทั้งขนาดและรูปร่างในแต่ละช่วงอายุ อีกทั้งคนส่วนใหญ่มักมีเท้าข้างใดข้างหนึ่งกว้างหรือยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง ดังนั้นควรลองสวมรองเท้าทั้งสองข้างก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง
- ลองสวมเดินทุกครั้ง เมื่อเลือกรองเท้าได้แล้ว ต้องลองสวมเดินก่อนซื้อทุกครั้งเพราะรองเท้าที่ดีต้องสวมสบายทั้งในขณะนั่ง ยืนและเดิน
- ความยาวของรองเท้าที่เหมาะสม ความยาวที่เหมาะสม คือ ใส่แล้วมีระยะระหว่างปลายนิ้วที่ยาวที่สุดกับปลายของรองเท้าเหลือประมาณ 3/8 – 1/2 นิ้วฟุต หรือเท่ากับขนาดความกว้างของนิ้วหัวแม่มือ
- ความกว้างของรองเท้าที่เหมาะสม ความกว้างที่เหมาะสม คือ ส่วนที่กว้างที่สุดภายในรองเท้าควรกว้างเท่ากับความกว้างที่สุดของเท้าและอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกัน
- ส้นเท้าต้องอยู่พอดีกับส้นรองเท้า ตำแหน่งของส้นเท้าควรอยู่กับตำแหน่งของส้นรองเท้าและมีความกระชับพอดี เมื่อเดินแล้วรองเท้าไม่หลุดจากส้นเท้า
- ถ้าใส่วัสดุเสริมในรองเท้าต้องเปลี่ยนขนาดรองเท้าให้เหมาะสม สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วัสดุเสริมภายในรองเท้า เช่น แผ่นรองใต้ฝ่าเท้า วัสดุเหล่านี้ทำให้รองเท้าคับขึ้น ดังนั้นเวลาเลือกรองเท้าต้องใส่วัสดุเสริมในรองเท้าก่อนลอง เพื่อให้ได้ขนาดรองเท้าที่เหมาะสม
- เท้าเปลี่ยนขนาดได้ตามเวลาและชนิดของกิจกรรม เท้าเปลี่ยนขนาดและรูปร่างได้ในแต่ละช่วงของวัน เท้ามักจะขยายหลังจากเดินมาก นั่งห้อยเท้านาน ๆ หรืออกกำลังกาย ดังนั้น ก่อนเลือกรองเท้าต้องคำนึงถึงเวลาและกิจกรรมที่จะนำไปใช้ให้สอดคล้องกันด้วย
การออกกำลังเพื่อบริหารข้อเท้าและกล้ามเนื้อเท้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้า
ท่าบริหารทำได้โดย
- กระดกข้อเท้าขึ้นและลงสลับกันช้าๆ
- หมุนข้อเท้า โดยหมุนเข้าและหมุนออกช้าๆ
- ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู่บนพื้นเพื่อบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆในเท้า
- นั่ง ยกขาขึ้น เหยียดเข่าตึง แล้วกระดกข้อเท้าขึ้นค้างไว้นับ 1 – 6 ในใจถือเป็น 1 ครั้ง
ทั้งหมดนี้คือ การดูแลสุขภาพเท้าทำได้ไม่ยากเลย หากว่าเราใส่ใจให้เวลาสักนิด เท้าก็จะอยู่กับเราตลอดไปค่ะ
ข้อมูลประกอบจาก: คลินิกสุขภาพเท้า ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แช่เท้า รักษาสุขภาพ ช่วยผ่อนคลาย หายเครียด
รู้จัก “แผ่นเจลรองเท้าเพื่อสุขภาพ” สินค้านี้เหมาะกับใคร?
ตามดูพฤติกรรมการดูแลเท้าของผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานที่ควรทำ!