โรคอ้วน

8 ภัยเงียบจาก โรคอ้วน คร่าชีวิตคนเมือง

          นาทีนี้ โรคอ้วน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกคนเข้าใจดีแล้วว่า ความอ้วนเป็นตัวลดทอนความสวยความงาม ทำให้ดูมีอายุมากกว่าวัยจริง และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาเป็นหางว่าว

           คนไทยมีน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นถึงปีละ 4,000,000 คน และเสียชีวิตจากโรคอ้วนปีละ 20,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาล ในจังหวัดกรุงเทพฯ และจังหวัดในภาคกลาง

แพททริค คอเกน (Patrick Cogen) ผู้เขียนหนังสือ The Obesity Cure – How To Finally Overcome Obesity and Lose Weight for Life กล่าวไว้ว่า  

บางคนกินปกติ แต่ก็ยังอ้วนอยู่ เนื่องจากชอบการอยู่เฉยๆ ไม่ออกกำลังกาย ชอบอยู่กับเครื่องมืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือหรือแท็บเล็ตทั้งวัน อยู่หน้าทีวี ทำเช่นนี้อยู่เป็นเดือนเป็นปี ทำให้ไม่เกิดการเผาผลาญพลังงาน พลังงานจึงสะสมในรูปของไขมัน ยิ่งกินอาหารขยะหรือจั๊งค์ฟู้ด (Junk Food) เป็นประจำด้วยแล้ว ความอ้วนจึงมาเยือนได้ง่าย

อ้วนนำพา 8 โรคร้าย

          นอกจากทำให้รูปร่างไม่น่าดูแล้ว ความอ้วนยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้แก่

1. ภาวะไขมันในเลือดสูง

                ภาวะไขมันในเลือดสูง คือ ร่างกายมีระดับไขมันแอลดีแอล (LDL ) และไตรกลีเซอไรด์ซึ่งเป็นไขมันตัวร้ายสูงผิดปกติ โดยไขมันส่วนเกินนี้จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดตีบและอุดตัน นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก และโรคความดันโลหิตสูงได้

2. โรคความดันโลหิตสูง

            อันตรายร้ายแรงของโรคความดันโลหิตสูงคือ ทำให้เส้นเลือดสมองแตก ส่งผลให้เป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้

โรงพยาบาลสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวถึง โรคความดันโลหิตสูงว่าเมื่อร่างกายมีเซลล์ไขมันเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องส่งออกซิเจนและสารอาหารผ่านทางเลือดไปเลี้ยงเซลล์ไขมันดังกล่าว จึงทำให้หัวใจต้องทำงานหนัก ในการสูบฉีดเลือดผ่านหลอดเลือดเพิ่มขึ้น

ดูโรคร้ายเพิ่มเติมใน หน้าถัดไป

3. โรคหัวใจและหลอดเลือด

          คนอ้วนเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าคนปกติ 10 เท่า  โรคนี้ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบและแคบลง เนื่องจากมีคราบไขมันเกาะอยู่ภายในผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวก โดยโรคนี้จะมีอาการ เจ็บหน้าอกหรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้

โรคหัวใจและหลอดเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงประเทศไทยด้วย

4.โรคหลอดเลือดสมอง

การมีน้ำหนักเกินหรือมีไขมันมากผิดปกติ ส่งผลให้คราบไขมันนี้ไปอุดตันภายในหลอดเลือด ซึ่งเป็นทางเดินของเลือดในการนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งอวัยวะสำคัญอย่างสมอง เมื่อหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน เลือดและออกซิเจนจะไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ เนื้อสมองก็จะตายไปในที่สุด และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต 

5.โรคเบาหวาน

ความอ้วนทำให้เกิดโรคเบาหวานเนื่องจาก เมื่อร่างกายมีไขมันสูงผิดปกติจะส่งผลให้การทำงานของอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติไปด้วย ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

โรคเบาหวานทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายเสื่อม มีโอกาสติดเชื้อราได้ง่าย เป็นแผลเรื้อรังจนอาจถูกตัดอวัยวะ เช่น เท้าหรือขา ทิ้ง และยังลุกลามกลายเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โรคไต และตาบอดได้

6. โรคมะเร็งบางชนิด และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

            คนอ้วนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้น ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินมีโอกาสเป็นมะเร็งทรวงอก ลำไส้ ถุงน้ำดี และมดลูก ส่วนผู้ชายที่มีน้ำหนักเกินมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้และต่อมลูกหมาก

7. โรคข้อเสื่อม

ความอ้วนก่อให้เกิดปัญหาข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อม  เนื่องจากข้อต่อทั้งสองต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินกำลังเป็นเวลานาน  เมื่อข้อเสื่อมแพทย์อาจพิจารณาให้ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าหรือสะโพก แต่คนอ้วนบางรายอาจไม่เหมาะกับการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนมาใส่ข้อเทียม เนื่องจากอาจเกิดปัญหาในภายหลังได้อีก

8.ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

             น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผนังหน้าอกไปบีบเนื้อปอด ทำให้การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การมีไขมันสะสมบริเวณคอมากๆ จะทำให้เกิดอาการนอนกรนเสียงดังและเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและร่างกายไม่สม่ำเสมอ เป็นสาเหตุของความง่วงและอ่อนเพลียในตอนกลางวัน และเกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้

รับรู้ถึงอันตรายจากโรคอ้วนกันมาแล้ว ต่อไปเราไปดูวิธีการรับมือกับเจ้าโรคอ้วนนี้ กันต่อได้ใน หน้าถัดไป เลยค่ะ

ลดอ้วนก่อนอันตรายมาเยือน

องค์การอนามัยโลก แนะนำวิธีลดความอ้วนว่า ให้จำกัดการกินไขมัน เกลือ และน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์พอเหมาะ ลดการกินอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ควรกินผักผลไม้และธัญพืชทุกวันเป็นประจำ ออกกำลังกายทุ
กวัน วันละ 1 ชั่วโมง

สิ่งดีๆ ที่ได้จากการออกกำลังกาย

คุณหมอองอาจแนะนำว่า

ทุกคนควรออกกำลังกายให้สมดุลกับการกินเพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ไม่ให้สะสมเป็นไขมัน การออกกำลังกาย นอกจากจะเป็นการเผาผลาญพลังงานแล้ว ยังช่วยขับเกลือออกไปกับเหงื่อด้วย

การออกกำลังกาย หมายถึง การเคลื่อนไหวร่างกายให้เร็วกว่าธรรมดาต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายหลั่งโกร๊ธฮอร์โมนออกมา ซึ่งจะทำให้พลังงานส่วนเกินถูกเผาผลาญหมดพอดี

ออกกำลังกาย

ชาวออฟฟิศควรออกแบบชีวิตประจำวันเสียใหม่ เช่น จอดรถให้ไกลจากออฟฟิศหน่อย แล้วลงเดิน หรือ เดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ การออกกำลังกายเบาๆ เปรียบเหมือนการใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น การใช้เวลาเดินนานขึ้นอีกหน่อยเหมือนใช้ไม้กวาดกวาดบ้าน แต่ถ้าเป็นการเดินเร็วเกินครึ่งชั่วโมงขึ้นไปจะเหมือนกับการกดชักโครก จะทิ้งพิษออกไปจากร่างกายอย่างหมดจด 

หากไม่มีที่เดินให้แกว่งแขน ซอยเท้า แกว่งขา  ทำ 300 ครั้ง ก่อนอาบน้ำ เช้า-เย็น  เพื่อให้เลือดหมุนเวียน การแกว่งแขนยังช่วยทำความสะอาดท่อน้ำเหลือได้อีกด้วย

 

Good & Bad Food จากผู้เชี่ยวชาญ

คุณหมอองอาจแนะนำเทคนิคการดูแลตัวเองให้ห่างไกลความอ้วนดังนี้

Good Food

Bad Food

อาหารรส เปรี้ยว เผ็ด ขม ถือว่าเป็นยาดีต่อสุขภาพ เช่น รสเปรี้ยวจะทำหน้าที่ทำความสะอาดชะล้างไขมันได้ รสขมช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ส่วนรสเผ็ดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและขับเหงื่อ  

อาหารรส หวาน มัน เค็ม ตัวนำความอ้วน ทำให้สารพิษตกค้างในร่างกาย เกิดภาวะบวมน้ำ และมีโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวานซึ่งจะทำให้อายุสั้นลงไป 10 ปี กินรสเค็มกับมันมากเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงซึ่งลดทอนอายุลงไปอีก 10 ปี

ผักและเนื้อปลา ผักมีทั้งใยอาหารและสารแอนติออกซิแดนท์ปริมาณสูง ส่วนเนื้อปลาเป็นโปรตีนย่อยง่ายและดีต่อสมอง

แป้งและเนื้อสัตว์ใหญ่ กินแป้งมากทำให้อ้วน กินเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นโปรตีนย่อยยากมากทำให้ท้องผูก เกิดสารพิษตกค้างในลำไส้

ผลไม้สีสด ผลไม้สีสดมีประโยชน์มาก เช่น มะละกอสุก มีทั้งวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน มะนาว มีวิตามินซีและเอนไซม์ นับ 10 ชนิด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินอี และผลไม้สีสดทุกชนิดมีสารแอนติออกซิแดนท์สูง

 

ผลไม้รสหวานจัด กินผลไม้รสหวานจัดครั้งละมากๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและอ้วนง่าย

น้ำเปล่า ควรดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำ

น้ำผลไม้ปรุงแต่ง หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้ปรุงแต่งเพราะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต

 

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.