หากพูดถึงเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนตอนนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากข่าวการบุกเข้าจับกุม “หมอเถื่อน” ที่อ้างว่ารักษาโรคทางตาอย่างโรคต้อกระจก และต้อเนื้อได้โดยไม่ต้องใช้ยา แค่ใช่เข็มสะกิดที่ไหล่ก็หายได้ ซึ่งเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ แต่ที่เป็นข่าวดังขึ้นมาก็เพราะมีผู้เสียหายที่เคยไปทำการรักษาแล้วเกิดตาอักเสบขึ้นมา ก็เกิดการร้องเรียนกันขึ้นนั่นเองค่ะ
ตามข่าวที่ถูกนำเสนอนั้นมีอยู่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลัง พร้อมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้าจับกุมหมอเถื่อน ในบ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านภาษีเจริญ ที่เปิดเป็นคลินิกรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตาเช่นโรคต้อกระจก ต้อเนื้อ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายที่มาเคยใช้บริการแล้วดวงตาเกิดติดเชื้อเกิดอาการตาอักเสบขึ้นมา
โดยผู้ที่แสดงตัวว่าเป็นหมอรักษาอ้างว่าใช้วิธีการรักษามาจากบรรพบุรุษโดยสืบทอดมาเป็นรุ่นที่สามแล้ว ที่ผ่านมาผู้ที่มารักษาหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งวิธีการคือใช้เข็มสะกิดที่บริเวณหัวไหล่ ซึ่งเชื่อมโยงกับประสาทตา จากนั้นใช้สมุนไพรประคบที่บริเวณดวงตาและเท้า
จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบว่า เข็มที่ใช้รักษาใช้เข็มเย็บผ้าและใบมีดโกน ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อและไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาทั้งทางแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน นอกจากนี้ยังพบยาที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้รักษาโรค เช่น ยาลูกกลอน ยาหยอดตา
ทั้งนี้ ทางองค์การอาหารและยาได้ออกมาเตือนประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การรักษาในลักษณะแบบนี้มีอันตรายมาก เนื่องจากเราไม่สามารถทราบถึงตัวส่วนผสมที่นำมาใช้ทำยาลูกกลอนได้เลย รวมถึงยาหยอดตาที่ไม่ได้เก็บในวิธีการปลอดเชื้อ หากหยอดในตาที่มีแผล อาจทำให้ติดเชื้อได้
“ชีวจิตออนไลน์” อดเป็นห่วงประชาชนที่อาจจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษาโรคทางตาเหล่านี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะเรื่องของตานี่เป็นอะไรที่เซนต์ซิทีฟมากๆ ไม่ใช่ว่าจะมาทำการรักษาเอาเองได้ ทางที่ดีหากเป็นอะไรที่ตา ก็พบแพทย์จะดีที่สุด เพราะดวงตาถ้าเสียหายคือพังทั้งชีวิต!
เอาเป็นว่าเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคทางตาดังกล่าวไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ ว่าโรคนี้มีอาการอย่างไร ควรป้องกันอย่างไรถ้าไม่อยากเป็น หรือเมื่อเป็นแล้วควรทำการรักษาด้วยวิธีใด ไปติดตามกันดีกว่าค่ะ
ทำความรู้จักโรคทางตาอย่างต้อลม- ต้อเนื้อ
“ต้อลม” เป็นโรคทางตาที่เกิดจากความเสื่อมของเยื่อบุตาขาวทำให้เกิดเป็นแผ่นหรือตุ่มนูนสีออกเหลืองเกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุตาขาวข้างกระจกตาดำ ส่วนใหญ่มักเกิดที่หัวตาด้านในใกล้จมูก แต่อาจเกิดได้ทั้งด้านหัวตาและหางตาพร้อมกัน
ส่วน “ต้อเนื้อ” เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงของเยื่อบุตาขาว มีลักษณะเป็นแผ่นพังผืดและหลอดเลือดรวมกันสีออกแดงรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม โดยจะค่อยๆ ลุกลามอย่างช้าๆ จากหัวตาหรือหางตาเข้าไปในกระจกตาดำ ซึ่งหากลุกลามเข้าไปมากอาจเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นได้
อาการของต้อลมและต้อเนื้อ
ผู้ป่วยโรคต้อลมและต้อเนื้อที่ยังเป็นไม่มาก มักไม่มีอาการใดๆ เพียงแต่จะเห็นเป็นเนื้อเยื่อผิดปกติบริเวณเยื่อบุตาขาวเท่านั้น แต่หากมีการอักเสบ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บตา เคืองตา คันตา ตาแดง แสบตา น้ำตาไหล รู้สึกเหมือนมีเศษผงอยู่ในตา ในกรณีของต้อเนื้อที่เป็นมากจนลุกลามเข้าไปกลางกระจกตาและบดบังการมองเห็น ผู้ป่วยจะมีอาการตามัว และอาจเกิดสายตาเอียงได้เนื่องจากต้อเนื้อดึงกระจกตาทำให้ความโค้งของกระจกตาเปลี่ยนไป ซึ่งโรคต้อลมและต้อเนื้อสามารถเกิดกับดวงตาเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ และเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัยค่ะ
การป้องกันโรคต้อลมและต้อเนื้อ สามารถทำได้โดย
- หลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยการสวมหมวกและสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์กรองรังสีอัลตราไวโอเลตทุกครั้งที่ออกกลางแจ้ง และควรสวมแว่นเพื่อกันลม ฝุ่น แม้ไม่มีแสงแดดก็ตาม
- หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน อากาศแห้ง ลม
- เมื่อต้องใช้สายตามาก ควรพักสายตาด้วยการมองไกลทุกชั่วโมง หากรู้สึกตาแห้งอาจใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
- ในกรณีที่เป็นต้อลมหรือต้อเนื้ออยู่แล้ว ควรหมั่นสังเกตสี รูปร่าง และขนาดของต้อเสมอๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงควรปรึกษาจักษุแพทย์ทันที
การรักษาโรคต้อลมและต้อเนื้อที่ถูกต้อง
การรักษาโรคต้อลมและต้อเนื้อขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากโรคยังไม่รุนแรงคือต้อมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยไม่รู้สึกระคายเคืองและการมองเห็นยังเป็นปกติ การรักษาโรคในระยะนี้ แนะนำให้ป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น โดยปกป้องดวงตาจากรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมแว่นกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ต้อเติบโตลุกลามมากยิ่งขึ้น
(อ่านเพิ่มเติม การดูแลดวงตาด้วยตัวเอง)
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับโรคทางตาอย่างต้อลม และต้อเนื้อที่เราเอามาฝากคุณผู้อ่าน เพื่อทำความเข้าใจ นำไปสู่การป้องกัน จะได้ห่างไกลจากโรคเหล่านี้ค่ะ และตามข่าวก็อย่าไปหลงเชื่อหมอเถื่อน เพราะการรักษาที่ถูกวิธีต้องได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือทางการแพทย์เท่านั้นค่ะ อย.เค้าฝากมา!!
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ