โรคกระเพาะหรือมะเร็ง

โอ๊ย! เครียด โรคกระเพาะหรือมะเร็ง กันแน่

แยกให้ออก โรคกระเพาะหรือมะเร็ง

แยกไม่ออกใช่มั้ยคะว่า ที่เราเป็นอยู่นั้นคือโรคอะไรกันแน่ โรคกระเพาะหรือมะเร็ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ หนุ่มสาวออฟฟิศมีความเครียด จากการทำงานกันทุกคน เพียงแต่ใครจะเครียดมาก เครียดน้อย ซึ่งความเครียดนี่เองเป็นปัจจัยก่อโรคต่าง ๆ มากมาย รวมถึงโรคกระเพาะอาหาร และโรคมะเร็ง

นายแพทย์ธเนศ แก่นสาร อาจารย์ประจำสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เล่าสถานการณ์ของโรคระบบทางเดินอาหาร ให้ฟังว่า

“พบว่า คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยป่วยเป็นกลุ่มโรคระบบ ทางเดินอาหารส่วนต้นหรือดิสเปปเชีย (Dyspepsia) ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ โรคสำคัญในกลุ่มนี้คือ กระเพาะอาหาร ซึ่งมีสาเหตุ มาจากการใช้ชีวิต”

ไลฟ์สไตล์สำคัญที่เป็นตัวก่อโรคได้แก่ การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และกินยาลดการอักเสบกลุ่มเอนเซด (NSAID) เป็นเวลานาน กินอาหารไม่ตรงเวลาและกินรสจัด นอกจากนี้ยังเกิดจากความเครียด

คุณหมอธเนศเล่าว่า “ถ้าอยู่ในสภาวะเครียดบ่อย ๆ และยาวนานจะป่วยเป็นโรดกระเพาะอาหารได้ เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งกรดออกมาตลอดเวลา ซึ่งกรดนี้จะย่อยเยือบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดแผล ยิ่งถ้ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น กินยากลุ่มเอนเชด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด จึงมีความเสี่ยงทำให้กระเพาะทะลุได้”

โรคกระเพาะจัดหนักคนทำงาน

ยิ่งทุกวันนี้ คุณหมอธเนศพบว่ามีหนุ่มสาวออฟฟิศจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารจากความเครียด แถมมีอาการค่อนข้างรุนแรงเมื่อเทียบกับวัยอื่น ๆ

คุณหมอธเนศเล่าว่า “ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาว อายุเพิ่ง 20-30 ต้น ๆ แต่มีอาการรุนแรงมาก บางคนปวดท้องมากจนต้องฉีดยาระงับปวดและต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หมอจะให้ยารักษาโรค 2 กลุ่ม คือ ยาลดกรด เพื่อช่วยให้กรดหลังออกมาน้อย ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และยากระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้กระเพาะเกิดการบีบตัว คลุกเคล้าอาหารกับน้ำย่อยได้ดีขึ้น จึงไม่มีแก๊สจากอาหารหมักหมมตกค้างในกระเพาะ ซึ่งเป็นที่มาของอาการท้องอืด จุกแน่น”

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นหลังจากกินยา แต่ไม่นานก็จะกลับมาป่วยอีกเช่นเดิม เพราะไม่รู้จักจัดการต้นเหตุของปัญหา

อาการต่าง ๆ ของโรคกระเพาะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นปวดท้อง จุกแน่น แสบร้อนบริเวณลิ้นปี หรือท้องอึด ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้คนวัยทำงานเกิดความเครียดว่า ตัวเองอาจป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ จึงร้องขอให้คุณหมอทำการส่องกล้องหรือกลืนแป้งแบเรียมซัลเฟตตรวจกระเพาะอาหาร เพื่อวินิจฉัยโรค

คุณหมอธเนศให้ความเห็นว่า “เดี๋ยวนี้มีผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวมาร้องขอให้หมอส่องกล้องตรวจกระเพาะให้ แต่หมอไม่แนะนำ เพราะเป็นการตรวจสุขภาพที่เกินความจำเป็นและสิ้นเปลืองเงินทองเปล่าๆ ซึ่งเมื่อตรวจจริง ๆ แล้วส่วนใหญ่จะไม่พบอาการผิดปกติ อย่างมากจะพบแค่แผลหรือรอยแผลเล็กน้อยเท่านั้น”

โรคกระเพาะหรือมะเร็ง

ปวดหนักได้ใจเพราะไลฟ์สไตล์สุดโต่ง

คำถามคือ เพราะอะไรผู้ป่วยจึงมีอาการรุนแรงมาก จนทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร คุณหมอธเนศอธิบายว่า

“อาการเจ็บปวดของผู้ป่วยแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการรับรู้เฉพาะบุคคล บางคนมีแผลเล็กมาก แต่บอกว่าปวดจน ทนไม่ไหว ขณะที่บางคนแผลใหญ่มาก แต่บอกว่ารู้สึกปวดเล็กน้อย และสิ่งสำคัญคือ พฤติกรรมประจำวัน ถ้ายิ่งกิน เหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ตรงเวลา กินรสจัด และมีความเครียด โดยเฉพาะเครียดว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงมากกว่ากระเพาะอาหารแล้วด้วย แน่นอนว่าจะทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น และเป็นวัฏจักรไม่มีวันจบสิ้น”

โรคกระเพาะหรือมะเร็ง

ถึงอย่างนั้นเทคโนโลยีการตรวจคัดกรอง เช่น การส่องกล้อง หรือกลืนแป้งแบเรียมซัลเฟตตรวจกระเพาะอาหารก็มีความ จำเป็นในผู้ป่วยบางคน คุณหมอธเนศอธิบายว่า

“เราจะส่องกล้องหรือกลืนแป้งเพื่อตรวจกระเพาะอาหารให้ ผู้ป่วยซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ผู้ป่วย จะมีอาการต้องสงสัยดังนี้

  1. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  2. เบื่ออาหารเรื้อรัง
  3. การขับถ่ายผิดปกติ อุจจาระมีสีดำหรือ มีเลือดปน
  4. อาเจียนเป็นเลือด
  5. มีภาวะกลืนลำบาก

ถ้ามี อาการเหล่านี้ หมอจะแนะนำให้ส่องกล้องหรือกลืนแป้งแล้วแต่ กรณี”

หากไม่อยากป่วยเป็นทั้งโรคกระเพาะอาหารหรือมะเร็ง กระเพาะอาหารจึงควรหาทางป้องกันเสียแต่เนิ่น ๆ คุณหมอธเนศแนะนำว่า

“เราควรเลิกพฤติกรรมก่อโรค เช่น กินเหล้า สูบบุหรี่ และกินอาหารให้ตรงเวลา ไม่เน้นรสจัด ส่วนเรื่องความเครียด เป็นเรื่องทำยากสักหน่อย แต่สามารถทำได้ โดยหนึ่งวันต้องจัดสรรเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อน อาจจะสัก 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง โดยเลือกกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง สวดมนต์ ทำสมาธิ เพื่อให้ตัวเองได้ผ่อนคลายจริง ๆ “

หลังจากอ่านบทความนี้จบ เย็นนี้หาเวลาผ่อนคลายความเครียด แล้วจะค้นพบว่าร่างกายและจิตใจแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นปราการป้องกันทั้งมะเร็งและกระเพาะอาหารได้แน่นอนค่ะ [

ตำรับยาแก้โรคกระเพาะและกรดไหลย้อน

อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต แนะนำตำรับยาที่ช่วยแก้อาการของโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน ดังนี้

  1. กินยาธาตุบรรจบ ครั้งละ 5 เม็ด 2 ครั้ง เช้า-เย็น
  2. กินขมิ้นชัน ครั้งละ 3 เม็ด 2 ครั้ง เช้า-เย็น

บทความอื่นที่น่าสนใจ

10 วิธี ดูแลจิตใจ เจอหนักแค่ไหนก็เอาอยู่

10 เรื่องเกี่ยวกับความคิดที่สำคัญสุดๆ แต่แทบไม่มีใครรู้!!! โดยคุณพศิน อินทรวงค์

เทคนิคสุดเวิร์ค แก้ปวดขาและตะคริว หลังออกกำลังกาย

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต

© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.