เปรียบเทียบกันจะๆ สุขภาพแข็งแรง แบบไหน? ดีกว่ากัน
สุขภาพแข็งแรง เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา คุณกาลแมร์ – พัชรศรี เบญจมาศ ชีวจิตแบรนด์แอมบาสเดอร์คนสวย เลยมาขอเล่าเรื่อง นิสัยคนไทย กับปัญหาด้านสุขภาพ ให้คุณๆ ได้ฟังกัน
ไทย vs. ฝรั่ง แบบไหน สุขภาพแข็งแรง เป็นเลิศ
หลังจากที่พูดเรื่อง มุมมองการมีสุขภาพในบ้านเรา ไปเมื่อสองตอนที่แล้ว วันนี้อยากแชร์เรื่องราวจากประสบการณ์ และการสังเกต นิสัยสุขภาพ ของพวกฝรั่งกันบ้าง ว่าแตกต่างกับบ้านเราอย่างไร แล้วกระแสดังกล่าวประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนนะคะ
ความตื่นตัวเรื่อง สุขภาพ
ในต่างประเทศ จะมีการให้ความรู้ และขวนขวายหาความรู้เรื่องสุขภาพกันมาก แมร์พบว่า ผู้คนของเขา ให้ความสนใจในทุกสิ่งที่จะเอาเข้าปาก อยากรู้อยากเห็นไปหมด ว่ามีดีอย่างไร กรรมวิธีผลิตผ่านอะไรมาบ้าง กินแล้วมีประโยชน์อย่างไร ถ้าเทียบระหว่างผักชนิดนี้กับผลไม้ชนิดนี้ อันไหนให้ประโยชน์มากกว่า
ซึ่งกระแสในไทยก็มีนะคะ แต่เมื่อก่อน เรายังไม่ตื่นตัวเท่านี้ เพราะเรายังคงให้ความสำคัญของรสชาติมากกว่าประโยชน์ เช่น ร้านนี้อร่อยเทพต้องกินให้ได้ก่อนตาย แล้วอีกอย่างคือ บ้านเรามีแต่อาหารอร่อยๆ เมื่อก่อนเคยคิดว่า ของอร่อยมักอ้วน ถ้าไม่อยากอ้วนคงต้องทนกินของไม่อร่อย แต่ก็แมร์คิดว่า มันต้องมีสิของที่กินแล้วไม่อ้วน มีประโยชน์แล้วอร่อยด้วย แมร์เลยหาสูตรอาหารทั้งของไทยและเทศ ประยุกต์เมนูให้อร่อย น่าตาดี และมีประโยชน์ ลองทำไปเรื่อยๆ เราก็จะได้สูตรอาหารใหม่เพิ่มขึ้นค่ะ
อย่างที่เคยเล่าไป ว่าคนไทยมักใช้วิธีการฟังที่บอกต่อๆ กันมา ว่ากินอันนั้นดี อันนี้ดี ‘เขาบอกว่า’ ก็กินตามๆ กันไป บางคนยังดีหน่อย หาข้อมูลเพิ่ม ถามหมอบ้าง แต่ก็มีเยอะที่หลับหูหลับตากินไปเลย เพราะปัจจุบันมีการแชร์ข้อมูลที่จริงบ้าง หลอกลวงบ้างเต็มไปหมด ลองถามตัวเองดูว่า จะเอาร่างกายไปเสี่ยงกับสิ่งที่คนเขาบอกมา โดยไม่ไตร่ตรอง หรือหาข้อมูลก่อนเลยหรือ
และโดยส่วนตัว คิดว่าคนไทยยังไม่ตื่นตัวกับการกินอาหารสุขภาพมากพอ จะเห็นได้ว่า วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยังมีวางขายอยู่น้อย ไม่ได้วางขายทั่วไป ไปไหนก็เจอ ในขณะที่ในต่างประเทศ (ประเทศทางตะวันตก) ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมไปถึงวัตถุดิบปลอดสารพิษนั้น หาซื้อง่ายกว่า มีร้านอาหารแนวสุขภาพให้เลือกมากกว่าในประเทศไทย จำแนกตามประเภทเยอะแยะไปหมด ทั้งอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารจากวัตถุดิบออร์แกนิก อาหารมังสวิรัติ ทั้งหมดสามารถพบได้ทั่วไป ในขณะที่บ้านเรา ร้านอาหารที่เราเจอเมื่อก้าวออกจากบ้าน หรือที่ทำงานคือร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านลูกชิ้นทอด รถเข็นขายกาแฟหวานๆ ซึ่งผูกขาดพฤติกรรมการกินของเราไปเรียบร้อย
ขอยกตัวอย่าง ร้านกาแฟในเมืองนอกที่เคยเจอมา จะเห็นว่าเค้ามีส่วนผสมให้เลือกหลากหลาย ถ้าอยากกินกาแฟใส่นม สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเป็นนมไร้ไขมัน นมถั่วเหลือง หรือนมอัลมอนด์ ส่วนร้านเบเกอรีก็จะจริงจังกับการใช้วัตถุดิบ ใส่ใจในผู้บริโภค ซึ่งในบางคนมีอาการแพ้กลูเตน ก็มีการทำเบเกอรีที่ไม่มีกลูเตนขึ้นมา
และนี่แหละทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่า บ้านเราเองก็มีข้าวปลาอาหารค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ หากใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของวัตถุดิบนี้ ประกอบกับความรู้เรื่องสุขภาพ และความตั้งใจในการดูแลซึ่งกันและกันทั้งคนซื้อคนขาย แมร์คิดว่าเราอาจมีตัวเลือกในการบริโภคมากกว่าเมืองนอกก็ได้นะ
ความแตกต่างเรื่องสภาพอากาศ
จะว่าไปในประเทศตะวันตกหลายๆ ประเทศจะมีสภาพอากาศที่เป็นต่อกว่าในบ้านเรา เพราะมีลักษณะของอากาศแห้ง แดดออกก็อยากออกมาวิ่ง อากาศหนาวก็อยากจะวิ่งให้ร่างกายอบอุ่น มีสวนสาธารณะให้เลือกหย่อนใจเยอะมาก จึงมีโอกาสที่จะออกไปทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายได้มากกว่า ส่วนในประเทศไทยมีอากาศแบบร้อนชื้น ข้อแรกเลยคือแดดแรง จะออกกำลังกายนอกบ้านได้คือเช้ากับเย็น ซึ่งบางทีก็ยังร้อนอยู่ดี เหนื่อยเร็วอีกต่างหาก เรื่องอากาศนี่มีผลต่อกิจวัตรประจำวันด้วยนะคะ เพราะเมืองนอกอากาศไม่ร้อน ไม่ว่าจะมีแดดหรือไม่มี คนมักใช้วิธีเดินไปในที่ต่างๆ ใช้รถส่วนตัวกันน้อย ผู้คนจึงมีนิสัยชอบเดินกัน ส่วนในประเทศไทย อย่างที่บอกไปว่ามีอากาศร้อนชื้น ตอนกลางวันจะเดินออกไปกินข้าวก็คงมีเหงื่อโทรมกันบ้าง บางทีกินข้าวไม่ไกลแต่ก็ขับรถออกมา ผลที่ได้คือรถติดอีก เพิ่มมลพิษอีก
เพราะอากาศร้อน มลภาวะเยอะนี่แหละ เราก็เลยไม่อยากเดินไปไหนมาไหน ไปซื้อของ ไปหาอะไรกินต้องขับรถตลอด โอกาสขยับเขยื้อนร่างกายจึงน้อยไปด้วย โดยเฉพาะในคนกรุง ทำได้น้อยมาก วันๆนั่งในออฟฟิศ ลุกไปเข้าห้องน้ำก็บุญโขแล้ว แต่อย่าลืมว่าร่างกายต้องการการซ่อมบำรุง และการดูแลให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดังนั้นการจัดสรรเวลาเพื่อขยับเขยื้อนร่างกายกันบ้างนะคะ
แต่ถึงจะร้อนแบบนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียนะ เนื่องจากภูมิอากาศแบบร้อนชื้นไม่ต้องเจอกับพายุหิมะ หรืออากาศหนาวโหดๆ ถ้าไม่นับฝนตก ก็สามารถออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตลอดทั้งปี นี่แหละข้อดีของบ้านเราเลย ตอนเช้าๆ แมร์แนะนำให้ไปเดินออกกำลังกายที่สวนลุมพินีเลยค่ะ มีแค่รองเท้าคู่เดียว เดินจนเหงื่อแตก สูดอากาศดีๆ มีเพื่อนออกกกำลังเพียบ ไม่แน่เราอาจได้เจอกันด้วยนะคะ
ถ้าอยากสุขภาพดีอย่ามีข้ออ้างหรือข้อจำกัดใดๆ เราต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ เชื่อเถอะค่ะว่าหากมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีกำลังใจเต็มเปี่ยม เอาชนะใจตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต ผลตอบแทนที่คุณจะได้รับมันคุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ
เรื่อง “อยากแข็งแรงแบบไหน? ไทยหรือฝรั่ง” เขียนโดย คุณกาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ตีพิมพ์ในนิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 429