รักษาโรคมะเร็ง ด้วยชีวจิต
เนื่องจากหลักการของอาหารชีวจิตคือ การไม่บริโภคเอาสารพิษ และพิษที่เรียกว่าท็อกซิน ฉะนั้นอาหารชีวจิตสำหรับผู้ป่วยจึงไม่อร่อยนัก เพราะเราปรุงรสแต่น้อย ด้วยไม่มั่นใจในเครื่องปรุงในท้องตลาดว่าผสมอะไรลงไปบ้าง และจะก่อพิษไหม
แต่ถึงอย่างนั้น การกินอาหารชีวจิตมาราธอน นับจากที่เราเริ่มป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองราว 7 ปีที่แล้ว โดย 4-5 ปีแรก เรากินชีวจิตอย่างเข้มข้น แต่หลังจากนั้นก็หย่อนลงมาบ้าง เช่น กินข้าวขาวบ้าง กินซุปจากกระดูกสัตว์บ้าง กินขนมบ้างอย่างไรก็ดี จนถึงวันนี้ เราพบว่า อาหารชีวจิตช่วยสุขภาพหลายประการ ดังนี้
- ช่วยให้ไทรอยด์กลับมาทำงานปกติ เดิม ไทรอยด์เราโตผิดปกติ มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง แบบที่หมอเจ้าของไข้ไม่เคยไว้ใจ ต้องคอยหมั่นเจาะดูว่ามันจะกลายเป็นมะเร็งหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องกินฮอร์โมนไทรอยด์สม่ำเสมอ เพราะห่วงว่ามันอาจจะทำงานผิดปกติสักวัน
- ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ โดยตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนจนแก่ ร่างกายเราไม่เคยผลิตประจำเดือนตรงเวลาสักกะครั้ง เดี๋ยวช้าไปหลายเดือน เดี๋ยวเร็วแบบ 20 วันก็ป๊ะหน้ากันแล้ว ทว่า หลังจากกินชีวจิต นางก็มาเยือนทุกๆ 28 วันเลยจ้ะ และยังไม่มีวี่แววว่าจะหมดด้วยสิ
- เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น จากที่เคยแห้งกรอบ แตกปลาย ฟุ้ง บาง ให้เป็นกังวลว่า มันจะอยู่กับเราจนสิ้นอายุขัย (ของเรา) หรือไม่ ก็กลับกลายเป็นเส้นผมที่ไม่แตกปลาย ดำสนิท และจนถึงทุกวันนี้ที่เพื่อนหลายคนต้องย้อมผมกันแล้ว เส้นผมของเราก็ยังแทบจะไม่มีสีขาวเลย อิอิ
- อารมณ์ดีขึ้นมากกกกกกก ถ้าใครเป็นแฟน บ.ก. ขอแชร์มาตั้งแต่ตอนแรก จะรู้ว่าเราทำการสังคายนาเปลี่ยนแปลงข้างในอย่างใหญ่ ทำให้ม่านหมอกเบลอๆ แห่งชีวิตที่อยู่ข้างใน อันตรธานหายไป เหลือแต่ความชัดเป๊ะในทุกสิ่งที่คิด ตัดสินใจ และลงมือทำ จึงทุกข์น้อยลงมากกกกกกกกกกกก
- คนรอบข้างก็มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น เพราะได้อานิสงส์จากการใช้ธรรมชาติเยียวยาตนเอง โดยเฉพาะครอบครัว เมื่อแม่เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนอาหารในครัวเป็นชีวจิต ป้าที่เป็นโรคหัวใจก็ได้กินอาหารสุขภาพไปด้วย ทำให้หมอไม่ต้องห่วงว่าอาหารใดจะก่อให้เกิดอาการอันตรายของหัวใจ และน้องสาวที่เคยมีอาการภูมิแพ้มาแรมปี อาการนั้นก็หายไป
5 ข้อดีดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้นในช่วงปีที่ 3-4 ของการกินอาหารชีวจิต และอีก 2 ข้อต่อไปนี้เกิดขึ้นหลังจากนั้นคร่า
- ร่างกายสร้างตัวรู้อัตโนมัติ หากกินพิษหรือท็อกซินเกินลิมิทที่ร่างกายรับได้ เช่น หากชิมขนมหวาน 2-3 วันติดกัน (ร่วมกับการกินข้าวขาวบางมื้อ) จะเกิดอาการไมเกรน หากได้พลังงานไม่พอ จะมีอาการเหมือนเป็นลม (ปกติเราไม่เคยรู้สึกหิวค่ะ แต่จะพยายามกินตามเวลา หากพลาดไป ก็ไม่รู้สึกหิว เป็นลมทันที 55555555)
- สามารถประเมินสารอาหารก่อนนำมาบริโภคได้ ข้อนี้น่าจะเกี่ยวกับหน้าที่บ.ก.นิตยสารสุขภาพ ที่ต้องอยู่กับข้อมูลสุขภาพ ทำให้เมื่อเราเห็นอาหารก็จะบอกตนเองได้ทันทีว่า จะบริโภคสารอาหารนี้หรือไม่ เช่น เห็นน้ำมะพร้าว ก็จะถามตัวเองว่า “ฉันต้องการฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มอีกไหม กินไปสัปดาห์ที่แล้วใช่ไหม แล้วน้ำตาลมากมายที่ได้ ฉันกำจัดมันออกได้หรือยัง” เห็นน้ำส้มคั้นสด ก็จะถามตัวเองว่า “ฉันพร้อมสำหรับน้ำตาลในน้ำส้มขนาดไหน”
เหล่านี้ เลยกลายเป็นข้อดีของผู้ที่เคยป่วยเป็นมะเร็ง
พบกันใหม่ วันพฤหัสหน้าค่ะ