คิดบวก
ความ คิดบวก หรือ positive thinking ดีต่อสุขภาพ ใครๆก็รู้ดี บ.ก.คงไม่ต้องอ้างทฤษฎีและงานวิจัยแล้วนะคะ ทว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ จะทำอย่างไรให้คิดบวกได้ ก็ในเมื่อชีวิตมันช่างบัด…ซะจริง อะไรๆรอบกายก็ดูบรัยๆไปหมด 555
วิธีการในการคิดบวกของเรา น่าจะเริ่มมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นบ.ก.นิตยสารชีวจิตแล้ว เพราะความเป็นรายปักษ์ ที่ต้องออกให้ตรงเวลาทุก 15 วัน และเราก็บอกกับผู้อ่านเสมอว่า เป็นเพื่อนรักสุขภาพด้วยกันต้องไม่ผิดสัญญา บอกว่าจะทำให้นิตยสารวางแผงวันไหน ก็ต้องทำให้ได้ ไหนเรื่องราวที่นำมาลงทุกเรื่องต้องดีที่สุด เป็นประโยชน์ที่สุด ถูกต้องที่สุด เราต้องสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่เสมอ เพื่อให้ผู้อ่านที่อ่านเราตั้งแต่เล่มแรกไม่เบื่อไปก่อน ภาพประกอบอีกล่ะ การจัดวางอาร์ตเวิร์คอีกล่ะ
ฉะนั้น การจะทำทุกอย่างดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน และไม่ทำลายสุขภาพคนทำงาน คือ การวางแผนการทำงาน (วิธีที่ 1)
เอาล่ะ การวางแผนช่วยให้ชีวิตดีงามขึ้น ลดความกดดันและความเครียดลงได้ นอกจากนี้ความวุ่นวายยุ่งขิงอยู่กับงาน ก็ทำให้ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นๆ (ซึ่งมักเป็นเรื่องในทางลบ) (วิธีที่ 2)
และหากเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงาน โดยเฉพาะแบบที่แวบเข้ามาเวลาอยู่คนเดียว เช่น ทำไมต้องเป็นเราที่ป่วยด้วยนะ ทำไมชีวิตมันช่างแห้งผากว่างไร้อย่างนี้แว้ จะทำยังไงให้ (คนนั้นน่ะ) เขาเข้าใจเรานะ ฯลฯ คำแนะนำของเราคือ ให้กลับมาอยู่กับลมหายใจ (วิธีที่ 3) ถ้าต้องรบกับความคิดลบจนหงุดหงิด ก็ให้แผ่เมตตาให้ตัวเอง (วิธีที่ 4) และถ้าความคิดลบกลับมาอีก ก็ลุกขึ้นไปทำโน่นนี่ (วิธีที่ 5) หากรู้สึกเพลียนัก ก็นอนหลับซะ (วิธีที่ 6)
จะว่าไป มีงานวิจัยทางการแพทย์ นำโดย Dr Chiara Cirelli จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า การนอนหลับ เป็นการล้างพิษออกจากสมอง โดยเป็นการล้างโปรตีนเบต้า-แอมเมิลลอยด์ ซึ่งพบในสมองผู้ป่วยอัลไซม์เมอร์ ที่มีอาการเบื้องต้นคือ หลงลืม และอารมณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทางลบ ฉะนั้นหากเราสามารถนอนหลับดี ป้องกันโรคสมองที่จะมีผลต่ออารมณ์แล้ว บ.ก.ก็เชื่อง่ายๆ ว่า ไม่มากก็น้อย การนอนหลับก็ช่วยให้อารมณ์ดี คิดบวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สำหรับเรา ความคิดลบก็เหมือนแขนหรือขาของร่างกายเรา ถ้าเราไม่ใช้มัน ก็จะแห้งฝ่อไปเอง (วิธีที่ 7) ฉะนั้น ถ้ารู้สึกจิตตก คิดลบรบกวน ก็รีบหยุดด้วยการกลับมาที่ลมหายใจหรือไปทำอย่างอื่นซะ ในกรณีนี้การปล่อยวาง (วิธีที่ 8) ตามพระสอนก็ช่วยได้เยอะ
ยิ่งไปกว่านั้น ต้องเลือกคบเพื่อน (วิธีที่ 9) เพื่อนมีหลายแบบ บางคนชอบเล่าเรื่องปัญหาชีวิตตนเอง ซึ่งด้วยความน่ารักของเราที่เป็นผู้ฟังที่ดี ก็ต้องช่วยเพื่อนพบทางออกของปัญหาให้ได้ แต่ถ้านางวกมาสู่การนินทาคนอื่น เราอาจต้องเลี่ยง (อย่าลืมว่า มนุษย์ย่อมพูดให้ตนเองดีกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เรายังเป็นเลย อิอิ) เพื่อนบางคนก็ช่วยนำเราออกจากความหนักหนาของชีวิตบางช่วงไม่ได้ เอ่ยเล่าปัญหานี้ ก็ดันแขวะพานไปยังปัญหาอีกอย่าง เรื่องเล็กเลยกลายเป็นมหากาพย์ใหญ่บึ้ม…แบบเนี้ยค่ะ อาจต้องเลี่ยงด้วยเหมือนกัน
สุดท้าย ต้องเลือกรับสื่อ (วิธีที่ 10) เราสามารถหยุดรับข่าวสารดราม่าได้ง่ายดาย แค่บล็อกมันเสีย ขณะเดียวกันการ unfriend เพื่อนที่ชอบก่นด่าคนอื่น เหวี่ยงซ้ายป่ายขวา เพื่อเรียกคะแนนนิยม ก็เป็นสิ่งที่สมควรทำด้วยเช่นกัน