อาการปวดศีรษะ, ปวดหัว, ไมเกรน, ความดันโลหิตสูง

ปวดหัวจังเลย! อาการปวดศีรษะ ที่เกิดจากความดันโลหิตสูงหรือไมเกรน

ปวดหัวจังเลย! อาการปวดศีรษะ ที่เกิดจากความดันโลหิตสูงหรือไมเกรน

ผม (นพ.วิวัฒน์ วิริยกิจจา) ขอเล่ากรณีศึกษาเรื่อง อาการปวดศีรษะ ที่เกิดจากความดันโลหิตสูงหรือไมเกรน

เย็นวันศุกร์ ผมได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวที่สนิทกันมาก เธอมาปรึกษาผมว่า ปวดหัวบ่อย ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หมอบอกว่ามีสาเหตุมาจากความดันโลหิตสูง วัดได้ 160 / 90 มิลลิเมตรปรอท

หมอให้ยามากินหลายขนาน นอกจากนั้นเธอยังตรวจพบว่ามีไขมันในเลือดสูงถึง 250 หน่วย หมอจึงให้ยาลดไขมันมากินด้วย รวมค่าตรวจ ค่ายา และค่าเจาะเลือดประมาณ 5,000 บาท

หลังจากกินยา เธอรู้สึกมึนงง สมองคิดอะไรไม่ค่อยออก จึงเกิดความกังวลใจว่าจะเป็นมะเร็งสมอง เพราะแม่ของเธอก็เป็นโรคนี้

ผมจึงสั่งให้งดกินยาหมดทุกอย่าง เมื่อกลับมาพนัสนิคม (บ้านผมเอง) ให้มาวัดความดันโลหิตกับผมและนำยามาให้ดูด้วย

พอวันเสาร์ ผมต้องไปรับเสด็จพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ช่วงเย็นกลับมาถึงบ้านจึงโทรศัพท์ไปสอบถามว่าน้องมาหรือยัง ปรากฏว่าเธอยังอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงนัดว่าวันอาทิตย์เช้าผมจะไปพบที่บ้านเพราะต้องการให้ช่วยต่อทะเบียนรถยนต์ผมด้วย (เพราะน้องเป็นผู้จัดการบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งเป็นผู้หญิงด้วยนะครับ)

พอวันอาทิตย์เช้า ผมกินข้าวอาบน้ำแล้ว ก็ออกจากบ้านพร้อมเตรียมเอกสารการต่อประกันรถยนต์ ใบเสร็จต่างๆ และกระเป๋ายาไปด้วย

เมื่อพบเธอ ผมวัดความดันได้ 130 / 90 มิลลิเมตรปรอท และขอดูยาซึ่งมีหนึ่งถุงใหญ่ ปรากฏว่ายาที่ใช้ลดความดันคือ ยาขับปัสสาวะ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นวิธีลดความดันอย่างหนึ่ง

ผมตรวจดูสภาพร่างกายเธอแล้วก็ตั้งคำถามว่า อาการปวดศีรษะเกิดจากอะไร ผมพบว่า กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอและสะบักของเธอตึงมาก เป็นผลมาจากความเครียด เพราะต้องแบกรับภาระงานมาก

ฐานของความคิดในการรักษามีอยู่ 2 ความคิด

  1. ต้องการแก้ไขปัญหาของคนไข้
  2. โรงพยาบาลหรือแพทย์ต้องการได้เงินมากๆ

ถ้าหมอที่ดูแลตั้งอยู่บนฐานของความต้องการช่วยเหลือประชาชน ให้พ้นทุกข์ก็ต้องมองปัญหาแบบต่อเนื่อง และแบบองค์รวมแล้วเริ่มแก้ไขปัญหา แต่หมอบางคนอาจตั้งอยู่บนฐานของความคิดเรื่องเงิน

พอปวดหัว ไปหาหมอคนแรกตรวจพบว่ามีความดัน 160 / 90 มิลลิเมตรปรอท จึงส่งคนไข้ไปหาหมออายุรกรรมที่รักษาความดัน คนไข้อาจได้รับยาคลายกล้ามเนื้อมา

ปวดไมเกรน, อาการปวดศีรษะ, ไมเกรน, ปวดหัวไมเกรน
อาการปวดศีรษะที่ไม่ได้รับการดูแล อาจกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง และเป็นโรคไมเกรนได้

 

ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ มักทำให้เกลือแร่ในร่างกายมีมากขึ้น พอเกลือแร่ในร่างกายมีมากก็ทำให้ความดันขึ้น พอคนไข้มีอาการมึนงงก็ถูกส่งต่อไปให้หมอระบบประสาทเพื่อรักษาอาการมึนงง

ท่านเคยถามตนเองหรือไม่ว่า เคยตกอยู่ในวังวนของปัญหาแบบนี้หรือไม่

เพียงแต่ถ้าแพทย์ต้องการดูแลคนไข้ให้พ้นทุกข์ สำหรับผมใช้วิธีดูภาพชีวิตทั้งหมดแล้วจึงประมวลข้อมูลของคนไข้ เช่นน้องสาว ผมว่าควรเริ่มแก้ที่อาการปวดกล้ามเนื้อก่อนโดยพาเธอไปพบแพทย์แผนไทยที่มความรู้ (ต้องเป็นผู้มีความรู้ทางด้านแพทย์แผนไทยจริงๆ) ในโรงพยาบาลพานทอง

พอน้องสาวได้รับการตรวจจากแพทย์แผนไทยพบว่า ต้องรักษาอาการกล้ามเนื้อเกร็งตัวโดยการนวดประคบก่อน เมื่อกล้ามเนื้อเกร็งตัวจะทำให้เลือดไปเลี้ยงได้ยาก เลือดไปเลี้ยงไม่ค่อยได้ ส่งผลให้เกิดกรดคั่งในกล้ามเนื้อ จึงเกิดอาการปวด

เป็นวัฏจักรเชิงปัญหา ถ้าต้องการทำลายวัฏจักรของปัญหา ทำได้โดยการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวด้วยการนวดประคบ ร่างกายจะขับกรดออกมา

นอกจากนั้นผมแนะนำว่า ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายขับกรดได้สะดวกขึ้น และการแพทย์แผนไทยยังมียาสมุนไพรให้กินเพื่อลดสภาวะความเป็นกรดในร่างกาย

ทั้งหมดคือการใช้ทั้งศาสตร์และศิลปะสมัยใหม่และแผนไทยดัดแปลงให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตแบบไทยๆ

ผมใช้ศาสตร์ “พุทโธโลยี” แปลว่า เทคโนโลยีที่เหมาะสม ที่กำกับด้วยคุณธรรมจริยธรรม

ถ้าผมไม่พาน้องมารักษา ประเทศไทยคงต้องเสียเงินประมาณห้าหมื่นบาท เป็นอย่างน้อยในการซื้อยาจากต่างชาติ อาจจะต้องถูกเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และต้องกินยาอีกหลายถุง และที่สำคัญ น้องคงจะได้โรคใหม่ๆ ที่เกิดจากผลข้างเคียงของยาอีกหลายโรค เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคไต โรคอะไรๆ อีกมากมาย

ใครจะว่าผมไม่อิงทฤษฎีทางการแพทย์ช่วยแย้งผมด้วยนะครับ ผมจะได้เปลี่ยนแปลงวิธีคิดแบบสมเด็จพระราชบิดาที่ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ประโยชน์ส่วนตนเป็นรอง

ในที่สุดผู้จัดการบริษัทรถยนต์ก็ไม่ต้องกินยาอะไรเลยและไม่ต้องเสียสตางค์ ที่สำคัญคือ ประเทศไทยไม่ต้องเสียเงินให้ต่างชาติ เพียงใช้ฐานความคิดแบบสมเด็จพระราชบิดา คือยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมกับดูแลแบบองค์รวม ดัดแปลงให้เหมาะสมกับคนไทย โดยหลักการของ พุทโธโลยี และที่สำคัญ

“เหนื่อยจากการช่วยเหลือผู้อื่น ยังมิได้เศษเสี้ยวของความเหนื่อยที่ต้องไปขอให้ผู้อื่นช่วย”

ผมแนะนำน้องให้กินอาหารไม่เค็ม ไม่มัน แล้วอีกหนึ่งเดือนลองไปตรวจหาไขมันใหม่และให้ยาไปหนึ่งขนาน เป็นยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค คือ การออกกำลังกาย (กีฬาเป็นยาวิเศษ)

น้องสัญญาว่าเธอจะไปเดินออกกำลังในช่วงเช้าๆ เพื่อรักษาสุขภาพ ดีใจจังเลยที่ช่วยคนไทยด้วยกันได้และช่วยประเทศไทยได้ แม้เพียงน้อยนิด เพื่อเป็นราชพลี…

 

จาก คอลัมน์บทความ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 246


บทความน่าสนใจอื่นๆ

ปวดหัวตรงขมับ คือสัญญาณของโรคอะไร และควรแก้อย่างไร เรามีคำตอบ

3 เคล็ดลับ แก้ปวดหัวบ่อยจากความเครียด

ปวดหัวไม่หาย มีทางแก้ ทำตามนี้รับรองหายชัวร์

ติดตาม ชีวจิต ในช่องทางต่างๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.