ปวดหัวตรงขมับ สัญญาณบอกโรคที่สังเกตได้
อาการปวดหัว เป็นอาการเจ็บป่วยอันดับต้นๆ ที่พบได้ทั่วไป ใครๆ ก็ต้องเคยปวดหัว บางคนปวดตุบๆทั้งหัว บางคนปวดหัวข้างขวา บางคนปวดหัวข้างซ้าย และที่พบบ่อยๆคือ ปวดหัวตรงขมับ ซึ่งอาจเป็นทีละข้างหรือทีเดียวสองข้าง เรามาดูสาเหตุและคำอธิบายของอาการเหล่านี้กัน
กูรูชีวจิต ไขปัญหา อาการปวดหัว
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต เขียนอธิบายอาการปวดหัวไว้ในคอลัมน์ เปิดประตูหลังบ้านนิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 292 ว่า
“ปวดหัว” มีหลายโรคและหลายสาเหตุ ลองมาดูแต่ละอาการที่อาจเกิดขึ้นได้กันครับ
ปวดหัวเฉียบพลัน
ปวดแบบเฉียบพลันนี้ไม่เกี่ยวกับการปวดแบบเงียบๆ แต่ผมอยากจะให้รู้จักการปวดแบบนี้ เป็นการปวดซึ่งค่อนข้างจะอันตรายมากๆ และคงจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความดันโลหิตสูง อย่างมากด้วยก็ได้
ขอให้สังเกตดูอาการประกอบดังต่อไปนี้ด้วย คือ การปวดหัวจะเกิดอย่างเฉียบพลัน ไม่เคยปวดมาก่อน ให้สังเกตไว้ด้วยว่า การปวดหัวจะเป็นมากขึ้นเมื่อก้มหน้าไปข้างหน้า ตาก็ทนแสงสว่างมากๆไม่ได้ นอกจากนั้นจะมีอาการสะลึมสะลือ พูดจาไม่รู้เรื่อง (เสียงอ้อแอ้) และจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนผสมด้วย
ถ้าเป็นอย่างนี้ ขอให้ส่งโรงพยาบาลด่วน เพราะน่าจะเป็นอาการของเส้นเลือดแตกหรือเลือดออกในสมอง แตถ้าอาการปวดหัวเริ่มขึ้นก่อน แล้วปวดตาแบบเต้นตุบๆุ ปวดจนรู้สึกเหมือนตาจะหลุดออกมา แถมด้วยตาพร่า มองอะไรไม่เห็น และมีคลื่นไส้อาเจียนด้วย คงจะเป็นอาการปวดของต้อหินแบบเฉียบพลัน รีบปรึกษาหมอตาประจำตัวด่วนจี๋เลยครับ ปวดหัวอีกแบบหนึ่งนั้น อยู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมา แต่เป็นอยู่ชั่วคราว 4-5 วันก็หาย การปวดไม่รุนแรงนัก
ให้สังเกตคือ สำรวจตัวเองให้ดีว่าขณะนั้นคุณกินยาอะไรเป็นประจำหรือเปล่า เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ปวด หรือแม้แต่บางคนที่เป็นมะเร็ง ไม่เคยปวดหัว แต่พอกินยาหรือฉีดยาประเภทคีโมเข้าไป ก็ปวดหัวคลื่นไส้เป็นประจำ
ให้สังเกตว่าเป็นเพราะยาที่คุณกินหรือเปล่า ถ้าใช่และเป็นยาประเภทกินไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ อาการที่คุณเป็นหายไป การปวดหัวก็จะหายไปด้วย
ถ้าปวดหัวและมีไข้ด้วย การที่มีไข้แสดงว่าคุณป่วยด้วยโรคติดเชื้อ จะมีการอักเสบที่ระบบใดระบบหนึ่งของร่างกาย ถ้าการอักเสบหายไป ไข้หายไป ปวดหัวก็จะหายไปด้วย
ที่พูดมาหลายๆปวดหัวนี้ เป็นการปวดชนิดที่ไม่เกี่ยวกับโรคเงียบ แต่คุณๆที่ชอบปวดหัวควรจะรู้จักหัดสังเกตไว้ จะได้แยกได้ถูกว่าปวดหัวเพราะอะไร และควรจะแก้ไขหรือจะไปหาหมออย่างรีบด่วนหรือไม่