อาการอะไร บอกได้ว่าเสี่ยงช็อกโกแลตซีสต์
ช็อกโกแลตซีสต์ จัดเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลังๆ มานี้ เรามักได้ยินสาวๆ พูดถึงบ่อยๆ ซึ่งบางคนรู้ตัวเร็ว บางคนมีอาการผิดปกติแต่ไม่ได้ใส่ใจ วันนี้ แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข คอลัมนิสต์ประจำนิตยสารชีวจิตจึงมาแนะนำอาการปวดผิดปกติที่อาจมีสาเหตุจากช็อกโกแลตซีสต์
คำถามจากทางบ้าน
เรียน คุณหมอชัญวลี ดิฉันเคยป่วยเป็นช็อกโกแลตซีสต์ และได้ผ่าตัดออกไปตอนคลอดลูก ตรวจภายในทุกปีไม่พบอาการผิดปกติค่ะ แต่ไม่ได้ตรวจอัพเดตอาการช็อกโกแลตซีสต์ มาพักหลัง รู้สึกว่าปวดท้องน้อยบ่อย ๆ ปวดหน่วงๆ โดยมักจะปวดช่วงกลางคืน บางครั้งปวดกลางดึกจนตื่นขึ้นมา แล้วก็พยายามไปเข้าห้องน้ำเพื่อนั่งถ่าย ซึ่งมีแต่ลมออกมา ก็รู้สึกว่าอาการปวดน้อยลง แต่ไม่หาย อดทนนอนต่อสัก 30 นาที อาการจึงจะหายไป ส่วนเวลามีประจำเดือนจะปวดในวันแรก จนกว่าประจำเดือนที่เป็นก้อนเนื้อ จะหลุดออกมาจึงหายปวด เลยอยากเรียนปรึกษาคุณหมอว่า อาการช็อกโกแลตซีสต์ของดิฉันจะกลับมาหรือไม่ และควรดูแลตัวเองอย่างไร ขอบคุณค่ะ
ความเห็นจากหมอ
ช็อกโกแลตซีสต์คือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นั่นคือ มีเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดออกไปเจริญเติบโตที่อวัยวะอื่น ๆ ใกล้มดลูก เช่น ผิวมดลูก ช่องท้อง รังไข่ ที่หลุดไปอยู่ไกลก็มี เช่น ปอด ใต้ผิวหนัง สะดือ ฯลฯ เมื่อไม่ได้อยู่ในโพรงมดลูก เวลาเป็นประจำเดือนเลือดในโพรงมดลูกจึงไหลออกมาได้ แต่เลือดนอกโพรงมดลูกไหลออกมาไม่ได้ กลายเป็นเลือดที่คั่งค้างอยู่ภายใน สำหรับรังไข่ เลือดเหล่านี้จะรวมกันเป็นถุงเรียกว่าช็อกโกแลตซีสต์
สามคำสั้นๆในการอธิบายคำว่าช็อกโกแลตซีสต์มีดังนี้ค่ะ เจ็บปวด เรื้อรัง มีลูกยาก
7 อาการส่อโรค
ขอขยายความว่าช็อกโกแลตซีสต์ไม่ใช่มะเร็ง แม้อาจจะเกิดร่วมกับมะเร็งรังไข่ได้สูงกว่าคนที่ไม่เป็นช็อกโกแลตซีสต์ถึงสามเท่า โดย
อาการที่สำคัญ ได้แก่
1. เจ็บปวด อาการเจ็บปวดของช็อกโกแลตซีสต์อาจเป็นแบบตื้อๆ ตุ้บๆ จี๊ดๆ เสียว ปวดปลาบ ปวดแน่น แบบใดก็ได้ แต่ลักษณะพิเศษของการเจ็บปวดมี7 ข้อ ดังนี้ค่ะ
• ปวดเวลามีประจำเดือน ลักษณะพิเศษ คือ ปวดมดลูกตอนเป็นประจำเดือน ยิ่งประจำเดือนมามากยิ่งปวดมาก
• ปวดแบบก้าวหน้า อาการปวดประจำเดือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น แรกๆปวดพอทน ต่อมาต้องกินยา ต่อมาต้องฉีดยา ต่อมาต้องนอนโรงพยาบาล
• ปวดแบบเรื้อรัง ปวดประจำเดือนนานเป็นปีๆไม่หาย ปวดนานขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นปวดทั้งเดือน
• ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ ลักษณะพิเศษ คือ ปวดเมื่อสอดใส่ลึก เจ็บรุนแรงจนทนไม่ได้
• ปวดเวลาเบ่งอุจจาระ ลักษณะพิเศษ คือ ในช่วงเป็นประจำเดือน หากเบ่งอุจจาระจะมีอาการปวดมากจนต้องหยุดเบ่ง ถ้าเป็นมากจะไม่มีแรงเบ่งอุจจาระ
• ปวดเวลาปัสสาวะ ลักษณะพิเศษ คือ เวลาเบ่งปัสสาวะตอนเป็นประจำเดือนจะรู้สึกเจ็บท้องน้อย อาการปวดแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่กระจายไปที่กระเพาะปัสสาวะแล้ว
• ปวดหลัง ลักษณะพิเศษ คือ ปวดหลังเฉพาะเวลาเป็นประจำเดือน
บางคนที่เป็นโรคนี้อาจมีอาการปวดครบทั้ง 7 ข้อหรือบางคนอาจมีแค่บางข้อ
2. เรื้อรัง รายละเอียดของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีดังนี้
โรคนี้พบได้ในผู้หญิงทั่วไปร้อยละ 1.2 – 1.5 แต่ในผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังหรือปวดประจำเดือน พบโรคนี้ได้ถึงร้อยละ 70 ส่วนผู้หญิงที่มีลูกยากพบร้อยละ 50
พบมากในผู้หญิงอายุ25 – 35 ปี แต่ในวัยรุ่นหรือวัยหมดประจำเดือนก็สามารถพบได้เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม โดยมียีนกลายพันธุ์หลายตัวที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้
เกิดมากในคนที่ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงจากภายในหรือภายนอกร่างกาย ดังนั้นคนที่มีประจำเดือนครั้งแรกอายุน้อยกว่า 11-13 ปี หมดประจำเดือนช้ากว่า 51 ปี ชอบกินฮอร์โมนเพศหญิงจากยาหรือสมุนไพร มีโอกาสเกิดโรคสูง
บุคลิกของคนเป็นโรคนี้คือ ผู้หญิงผอมสูง ชอบกินอาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่น ฟาสต์ฟู้ด
โรคนี้เกิดน้อยในคนที่มีลูกหลายคน ให้นมลูกนานมากกว่า 6 เดือน มีประจำเดือนช้ากว่า 14 ปี หมดประจำเดือนก่อน 51 ปี
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดลดโอกาสเกิดโรค การกินน้ำมันปลา (โอเมก้า-3) ลดการเกิดโรคนี้ได้
ที่ว่าเป็นโรคเรื้อรังคือ รักษาแล้วไม่ค่อยหายขาด จะหายเมื่อมีลูก แต่ผู้ป่วยโรคนี้มักมีลูกยาก จึงไม่ค่อยมีลูก เมื่อมีประจำเดือนก็มักจะ
กลับมาเป็นใหม่ โดยโอกาสที่โรคจะกลับมาเป็นซ้ำหลังผ่าตัดภายใน 2 ปี ร้อยละ 20 ภายใน 5 ปี ร้อยละ 40-50
3. มีลูกยาก โรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบจากเลือดที่เข้าไปสร้างความระคายเคือง สร้างพังผืด ทำให้เซลล์อักเสบ สร้างสารเคมีจากการอักเสบ ทำให้ไข่ไม่ตกหรือไข่ตกแต่ไม่สามารถเข้าไปในท่อนำไข่ ไม่มีการปฏิสนธิ ท่อนำไข่และโพรงมดลูกบิดเบี้ยวจากพังผืด เป็นอุปสรรคต่อการฝังตัวของตัวอ่อน แม้ผ่าตัดรักษาแล้ว โอกาสท้องก็ยังมีต่ำ คำแนะนำของผู้ที่มีบุตรยากและเป็นโรคนี้คือ หลังผ่าตัดส่องกล้องควรใช้เทคโนโลยีเจริญพันธุ์ทำเด็กหลอดแก้ว จะมีโอกาสท้องสูงกว่าปล่อยตามธรรมชาติ
คำแนะนำวิธีป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิด
1. ผ่าตัดมดลูกและรังไข่ทั้งสองข้าง โรคที่กลับเป็นซ้ำหลังผ่าตัดรักษาเกิดจากเหตุผล 2 ประการ หนึ่ง ผ่าไม่หมด สอง โรคกลับเป็นซ้ำจาก
ปัจจัยกระตุ้น เช่น มีฮอร์โมนสูง ดังนั้นหากมีลูกแล้วและเป็นชนิดรุนแรง การผ่าตัดรักษาที่หายขาดคือตัดมดลูกและรังไข่ทั้งสองข้างออก
2. หลังผ่าตัด ควรรักษาต่อด้วยการรับฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนนาน 1-5 ปี หรือจนกว่าจะหมดประจำเดือน หากมีอาการปวดท้องหลังผ่าตัด
ควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าโรคกลับเป็นซ้ำหรือไม่
3. ระมัดระวังการรับฮอร์โมนเพศหญิงเอสโทรเจน ไม่ว่าจะจากยาสมุนไพรหรืออาหารที่มีไฟโตเอสโทรเจน
ดังนั้นคนที่เคยเป็นโรคนี้ไม่ควรกินกาวเครือ ตังกุย ยาสตรี น้ำมะพร้าว น้ำเต้าหู้ ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้โรคกลับเป็นซ้ำได้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด : มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โรคร้ายที่ไม่มีใครอยากเป็น
เนื้องอกในมดลูก ซีสต์รังไข่ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ “3 โรค” ภัยเงียบที่ผู้หญิงต้องระวัง