โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, มะเร็งผู้หญิง

เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด : มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โรคร้ายที่ไม่มีใครอยากเป็น

เรื่องเล่าจากหมอ กรณีคนไข้ โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แม้จะไม่ใช่หนึ่งในโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็เป็นโรคที่ไม่ควรละเลย วันนี้ คุณหมอชัญวลี ศรีสุโข มีเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงเกี่ยวกับคนไข้โรคนี้มาฝากค่ะ

เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด

บ่ายโข…ระหว่างนั่งจิบกาแฟดำในห้องพักแพทย์เพื่อรอคนไข้ เหลียง พยาบาลผู้ช่วยผ่าตัด เดินผ่านมาทักว่า “คนไข้ยังไม่มาหรือคะหมอ”

“พยาบาลที่ตึกคงกำลังเตรียมอยู่” ฉันตอบ  คำว่าเตรียมหมายถึงให้น้ำเกลือ วัดสัญญาณชีพ เช่น ความดันโลหิต ชีพจร ไข้ ก่อนส่งห้องผ่าตัด

เหลียงทำท่าแปลกใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะตามธรรมเนียมทางตึกมักส่งคนไข้มารอก่อน แพทย์จึงตามมาผ่าตัด

ไม่ได้แปลกใจตามเหลียง เพราะรู้ดีว่าทางตึกส่งคนไข้คนนี้มาช้าเพราะอะไร

คนไข้ มาลี(ชื่อสมมติ) อายุ 45 ปี เป็นคนตัวอ้วนใหญ่ มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายสายบัว เช้าตรู่ เธอจะพายเรือไปเก็บสายบัวในบึง เมื่อได้มาก็เอาไปขายในตลาดราคาไม่แพง บางคนก็ซื้อไปทำแกงส้ม ต้มจิ้มหลน หรือน้ำพริกต่างๆ ทุกวันได้เงินมาก็ใช้หมดไปพอเช้าก็หาใหม่ เรียกว่าเป็นคนหาเช้ากินค่ำอย่างแท้จริง

มาลีเป็นสาวโสด อยู่กับแม่สองคน เมื่อมีประจำเดือนออกมากก็ไม่คิดว่าเป็นอาการผิดปกติกลับคิดว่าใกล้หมดประจำเดือน จึงไม่มาหาหมอ จนเลือดออกผิดปกติครบเดือน เธอไปตลาดแล้วหน้ามืดล้มลง แม่ค้าแถวนั้นจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เธอซีดมาก ความดันโลหิตตก ฉันรีบรับตัวไว้ในโรงพยาบาล ผลการตรวจความเข้มข้นของเลือดพบว่ามีแค่ร้อยละ 22 ในขณะที่คนปกติมีประมาณร้อยละ 40 จึงสั่งให้เลือดถึงสามถุงอาการเป็นลมจึงหาย แต่เลือดก็ไม่หยุดไหล

โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

มาลีบอกว่า  เป็นตายอย่างไรก็ไม่ขอตรวจภายในตามความเชื่อว่า ตนเองเป็นสาวบริสุทธิ์  คงเจ็บเวลาตรวจ ฉันตามใจคนไข้ เปลี่ยนมาตรวจมดลูกด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์แทน ผลการตรวจทางอัลตราซาวนด์พบว่ามดลูกโต  มีเยื่อบุโพรงมดลูกหนามากอาการต้องสงสัยจะเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ฉันขอตรวจ (หามะเร็ง) โดยการขูดมดลูก ขนาดไม่ได้บอกสักแอะว่า หมอสงสัยว่าจะเป็นโรคร้ายดังกล่าว เธอปฏิเสธทันที แล้วพูดว่า “ไม่มีลูกไม่มีผัวตายก็ตายไป ไม่มีอะไรให้ห่วง กลัวเจ็บ ไม่ขูดมดลูกหรอก ยิ่งถ้าเป็นมะเร็งก็ไม่รักษาหรอก ยอมตาย”

ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมมาลีให้ขูดมดลูก โดยบอกว่าไม่เจ็บ ขูดแล้วเลือดจะได้หยุด แล้วจะได้ไปเก็บสายบัวได้ แต่เธอบอกขอคิดดูก่อน ทำให้ต้องกระซิบบอกคุณพยาบาลหัวหน้าตึกให้ช่วยจูงใจคนไข้ให้ยอมทำตาม

จนบ่ายคล้อยพยาบาลหัวหน้าตึกจึงโทรศัพท์มาบอกว่า เธอยอมขูดมดลูกแล้ว สาเหตุที่ยอมเพราะแม่มาเยี่ยม พยาบาลหัวหน้าตึกจึงให้แม่ชักชวน เธอจึงยอม

เมื่อตัดสินใจในที่สุด

เมื่อมาถึงห้องผ่าตัด มาลีรีบบอกวิสัญญีแพทย์ว่า “ขอหลับก่อนนะ อย่าให้ได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆอะไรๆ นะ กลัว” หมอดมยาพูดอย่างใจดีว่า “ครับ ไม่ต้องกลัวครับ ให้หลับเดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อมาลีหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาสลบ ฉันจึงเริ่มขูดมดลูก พบว่ามีเนื้อผิดปกติจำนวนมากในโพรงมดลูกทั้งยังลุกลามมาที่ปากมดลูก จากการดูด้วยตาเปล่าค่อนข้างแน่ใจว่า  นี่เป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แม้เป็นหมอสูติมานานก็ยังไม่ชินกับโรคร้ายนี้ ฉันรู้สึกสลดใจทุกครั้งที่พบคนป่วย

การรักษาทำให้เลือดของมาลีหยุดชั่วคราว ฉันแนะนำให้เธอหยุดหาสายบัวไปขายก่อน เพราะเพิ่งขูดมดลูก และให้รอฟังผลตรวจชิ้นเนื้ออีกสองสัปดาห์ต่อมา คนไข้บ่นกระปอดกระแปด บอกว่า เพราะอย่างนี้ทำให้ไม่อยากขูดมดลูก แม้ไม่เจ็บ แต่ก็ทำงานไม่ได้

อีกสองสัปดาห์ต่อมา ผลการตรวจชิ้นเนื้อที่มาถึงบ่งบอกว่ามาลีเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกดังคาดจริงๆเนื่องจากเนื้อร้ายลุกลามมาที่ปากมดลูก จึงไม่ใช่การป่วยระยะแรก แต่เป็นระยะที่สอง วิธีรักษามะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกระยะที่สอง คือ ผ่าตัดมดลูกปีกมดลูก  และต่อมน้ำเหลืองออก ตามด้วยการใช้รังสีรักษา (ฝังแร่  ฉายแสง) คงต้องรักษาตัวนาน ทั้งยังอาจมีโอกาสหายจากโรคเพียงร้อยละ 60 จึงต้องคิด
หาวิธีบอก เพราะมาลีลั่นปากไว้ว่า หากเป็นมะเร็ง ขอยอมตาย จะไม่รักษาตัว

แล้วก็นึกออก…ฉันให้พยาบาลช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่อนามัย (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ที่อยู่ใกล้บ้านคนไข้  เพราะคนไข้ไม่มีโทรศัพท์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์บ้าน ให้เจ้าหน้าที่อนามัยบอกเธอว่า ตอนฟังผลตรวจชิ้นเนื้อให้พาแม่มาด้วย เพื่อช่วยกันฟัง จะได้เข้าใจดี มาลีรับปากเจ้าหน้าที่อนามัยแม้จะบ่นว่าทำให้แม่ต้องลำบาก แต่เจ้าหน้าที่อนามัยพบว่าแม่ก็อยากมาฟังผลตรวจชิ้นเนื้อพร้อมกันด้วย

เมื่อมาถึง ฉันถามคนทั้งสองตามหลักการให้คำปรึกษาว่า คิดว่าตนเองเป็นโรคอะไร รู้จักมะเร็งหรือไม่ หากเป็นแล้วคิดว่าจะรักษาอย่างไร มาลีก็โพล่งว่า “หมอบอกมาตรงๆ ฉันเป็นมะเร็งใช่ไหม” ในที่สุดเลยต้องบอกตรงๆและแนะนำให้ไปรักษาตัวต่อที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

มาลีบอกไม่ไป เมื่อถามเหตุผล เธอบอกถ้าตัวเองตายก็ไม่ต้องเดือดร้อนใคร แต่แม่ค้านว่า “เดือดร้อนสิเดือดร้อนกูที่เป็นแม่ ต้องมาเผาศพลูก

มาลีรำพึงว่าคงรักษาไม่หาย แต่หมอบอกว่ามีโอกาสหาย ส่วนแม่ก็บอกว่า ต้องเชื่อหมอ หมอว่าหายก็ต้องหาย แม้เธออิดออดหลายอย่าง แต่ฉันกับแม่ของเธอก็ช่วยแก้จนได้

สุดท้ายมาลีบอกว่าไม่มีเงิน แต่ฉันบอกว่าไม่มีเงินไม่เป็นไร เดี๋ยวให้สังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลช่วยเหลือค่ารถ ค่าที่พัก  ค่ากิน สุดท้ายของสุดท้ายมาลีจึงไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร เลยต้องไปรักษาตัวที่สถานพยาบาลแห่งนั้น โดยการผ่าตัดและฉายแสง

บทสรุป ของเรื่องราวทั้งหมด

เรื่องที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว  ปัจจุบันมาลีเป็นเจ้าของร้านโอทอปเล็กๆ  ขายเม็ดบัวอบกรอบที่ทำเอง แม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีก่อนด้วยโรคหัวใจ มาลีมีธุระแวะมาโรงพยาบาลคราใด  มักจะเอาเม็ดบัวอบกรอบมาฝาก พร้อมเล่าซ้ำๆว่า

“ไม่ได้หมอกับแม่ช่วยกันชักชวนให้ไปรักษา ฉันคงตายไปแล้ว นี่หมอรู้ไหมว่า ตอนไปรักษาตัวที่สถานพยาบาล หมอบอกว่ามะเร็งมีสี่ระยะ ระยะหนึ่งเป็นน้อยที่สุด ระยะที่สี่เป็นมากที่สุด ส่วนฉันน่ะเป็นระยะสอง

“ตอนไปรักษาน่ะ มีคนไข้ระยะหนึ่งเยอะแยะเลยใจแป้วเลย กะว่าคงตายก่อนใครเป็นแน่ พอไปหาหมอทีไร คนไข้ระยะหนึ่งคนโน้นคนนี้ตายไปทีละคนสองคน แต่ฉันที่ป่วยในระยะสองกลับไม่เป็นไร

“นอกจากรอดชีวิตมานับสิบปีแล้ว ยังอ้วนท้วนสมบูรณ์ กินดีอยู่ดีอยู่เลยนะหมอ”


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อ้วน ตัวการมะเร็งเต้านมที่ไม่ควรมองข้าม (พร้อมวิธีตรวจเต้านมง่ายๆ)

อาหารเสริม ฮอร์โมนเพศหญิง ประโยชน์หรือโทษ

อายุเยอะก็ควรไปตรวจหาความเสี่ยงโรค มะเร็งปากมดลูก

ผู้หญิงที่ ผ่าตัดรังไข่ เสี่ยง ความจำเสื่อม จริงหรือ

 

สามารถติดตาม ชีวจิต ในช่องทางอื่นๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.