คุณหมอแนะนำ อายุเยอะก็ต้องไปตรวจคัดกรองโรค มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่สาวๆ ทุกคนเกรงกลัวไม่แพ้มะเร็งเต้านม ซึ่งความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้นั้น มีหลากหลายช่วงวัยจนไม่ว่าสาวเล็กสาวใหญ่ ก็ต้องใส่การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกไว้ในโปรแกรมตรวจสุขภาพของตนเอง
แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข จึงหยิบยกคำถามที่มีประโยชน์จากทางบ้านมา พร้อมให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
คำถาม : คุณแม่ของดิฉันอายุ 75 ปีแล้ว อยากทราบว่า ยังจำเป็นต้องไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอยู่อีกหรือไม่
คุณหมอตอบ
ก่อนอื่นขออธิบายเรื่องการตรวจภายใน กับการตรวจคัดกรองหามะเร็งปากมดลูก (แปปสเมียร์) ก่อนนะคะ
การตรวจภายใน
คือ การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์ โดยแพทย์จะตรวจดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก แล้วใส่เครื่องมือที่เรียกว่า สเป็คคูลัม ซึ่งมีลักษณะเหมือนปากเป็ดเข้าไปตรวจดูอวัยวะสืบพันธุ์ภายใน ได้แก่ ช่องคลอด ปากมดลูก และคลำดูขนาดมดลูก รวมถึงคลำตรวจปีกมดลูกด้วย
แปปสเมียร์
คือ การตรวจคัดกรองหามะเร็งปากมดลูกผ่านการตรวจภายใน โดยใช้ไม้ง่าม หรือพู่กัน ป้ายเอาเซลล์ที่ปากมดลูกไปตรวจทางเซลล์วิทยา ดังนั้นคุณสามารถตรวจภายในได้โดยไม่ต้องตรวจแปปสเมียร์ แต่คุณไม่สามารถตรวจแปปสเมียร์โดยไม่ตรวจภายในได้
แปปสเมียร์ มีประโยชน์ เพราะ สามารถตรวจพบมะเร็งปากมดลูกได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ช่วยให้รักษาได้ทันท่วงที ลดการเกิดมะเร็งปากมดลูก ระยะลุกลาม ลดอัตราการตายและอัตราทุพพลภาพจากโรคมะเร็งปากมดลูกได้
ตัวอย่างเช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูก ไม่ติดอันดับการเสียชีวิต 1 ใน 5 ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง พบว่าเพราะมีการรณรงค์ให้ทำแปปสเมียร์ ในปีค.ศ.1950 – กลางปีค.ศ. 1980 ตามโปรแกรมของรัฐจึงสามารถลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกไปได้ถึงร้อยละ 70
ส่วนในประเทศไทยการรณรงค์ให้ตรว แปปสเมียร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ส่งผลให้จำนวนและอัตราตายของคนไข้มะเร็ง ปากมดลูกลดลงจากอันดับที่ 1 เป็น อันดับที่ 2 รองจากมะเร็งเต้านม
โปรแกรมการคัดกรองของประเทศสหรัฐอเมริกาที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ มีดังนี้
- เริ่มทำแปปสเมียร์เมื่ออายุ 21 ปี ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ โดยตรวจทุก 3 ปี ให้เหตุผลที่ไม่คัดกรอง ในคนอายุต่ำกว่า 21 ปีไว้ว่า เพราะ โอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม ในวัยรุ่นมีน้อยมาก แค่ 1 ในล้านคน
- เมื่ออายุ30 ปีขึ้นไปให้ตรวจหาไวรัสเอชพีวีร่วมกับการตรวจแปปสเมียร์ทุก 5 ปี
- หยุดตรวจที่อายุ 65 ปีในคนที่ทำตามโปรแกรมการคัดกรองอย่างเคร่งครัด ภายใน 10 ปีที่ผ่านมา มีผลการตรวจไวรัสเอชพีวีร่วมกับการตรวจแปปสเมียร์เป็นลบอย่างน้อย 2 ครั้ง หรือการตรวจแปปสเมียร์ เป็นลบอย่างน้อย 3 ครั้ง และตรวจ ครั้งสุดท้ายภายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพราะหากทำตามโปรแกรมการคัดกรอง โอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกหลังอายุ 65 ปีจะมีน้อยมาก
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้ตรวจคัดกรองแปปสเมียร์ ตั้งแต่อายุ 21 ปี ทุก 3 ปี จนถึงอายุ 65 ปี ส่วนในโรงพยาบาลรัฐยังไม่มีโปรแกรมตรวจหาไวรัสเอชพีวี ร่วมกับการตรวจแปปสเมียร์ เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง
อย่างไรก็ตาม โปรแกรมการคัดกรองนี้ไม่รวมคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอาจจะต้องตรวจบ่อย เช่น ตรวจทุกปี ไปจนถึงอายุ 70 – 75 ปี ได้แก่
- คนที่เคยมีประวัติมีเซลล์ปากมดลูกผิดปกติ หรือเคยเป็นมะเร็งปากมดลูก
- คนที่ปัจจุบันสูบบุหรี่ หรืออดีตเคยสูบบุหรี่
- คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เป็นโรคเอดส์ กำลังรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัด
- คนที่เคยตรวจพบเชื้อเอชพีวีที่ปากมดลูก
- คนที่จำไม่ได้เลยว่าตรวจครั้งล่าสุดเมื่อไร และผลแปปสเมียร์เป็นอย่างไร
- คนที่แต่งงานใหม่ สำหรับจดหมายที่ถามมา
ผู้สูงอายุที่อายุเกิน 75 ปีแล้วไม่จำเป็นต้องตรวจแปปสเมียร์เพื่อคัดกรองหามะเร็งปากมดลูกแล้วค่ะ แต่ยังมีความจำเป็น ที่ต้องตรวจภายใน โดยตรวจเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ตกขาว ตกเลือด ปวดท้อง ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะแสบ ขัด ฯลฯ
เพราะถึงแม้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกน้อย แต่ก็อาจเกิดความผิดปกติจากการอักเสบ ติดเชื้อ เป็นเนื้องอก หรือมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ได้ เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็ง รังไข่ เพราะฉะนั้นการตรวจภายในจึงยังเป็นสิ่งจำเป็นค่ะ
บทความน่าสนใจอื่นๆ
ผู้หญิง ต้องรู้จัก เข้าใจ ป้องกัน ไวรัสเอชพีวี (HPV)