ไข้เลือดออก ผู้สูงอายุ-ผู้สูงอายุ-ไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก ผู้สูงอายุ ต้องดูแลอย่างไร

ไข้เลือดออก ผู้สูงอายุ ต้องดูแลอย่างไร ไม่ให้อาการแย่ลง

ไข้เลือดออก ผู้สูงวัย เป็นของคู่กัน ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า โรคไข้เลือดออกจะเกิดกับเด็กอายุระหว่าง 5-15 ปีเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงเรื่องสถานการณ์โรคไข้เลือดออกล่าสุดต่อไปนี้ อาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิด

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ต้นปี 2554 จนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ กว่า 20,000 ราย เสียชีวิตทั้งหมด 13 ราย กลุ่มเสี่ยงคือ กลุ่มผู้สูงวัย(อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) และเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ถึง 14 ปี”

ดังนั้น เราจึงขอชวนคุณมาไขข้อข้องใจกับหลากคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก เพื่อป้องกันผู้อาวุโสที่คุณรักให้ปลอดภัยจากโรคร้ายนี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์เกรียงศักดิ์ ลิมป์กิตติกุล อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ตอบทุกคำถามดังนี้

Q: อาการอะไรที่บ่งบอกได้ว่า ผู้สูงวัยอาจเป็นโรคไข้เลือดออก

A: หากผู้ป่วยมีอาการต่อไปนี้ ให้สงสัยว่า อาจเป็นโรคไข้เลือดออก ควรรีบพบแพทย์

-มีไข้สูงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2-3 วัน

-กินข้าวไม่ลง

-คลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

-มีเลือดออกผิดปกติ หรือมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง

Q: อาการของโรคไข้เลือดออกมีความแตกต่างกับโรคไข้หวัดใหญ่อย่างไรบ้าง

A: ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจะไม่มีอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล เหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ แต่จะมีไข้สูงอย่างต่อเนื่องแม้จะกินยาลดไข้แล้ว แต่อาการไข้ก็จะไม่ลดลง

Q: โรคประจำตัวของผู้สูงอายุอะไรบ้างที่ทำให้อาการของโรคไข้เลือดออกแย่ลง

A: 1.โรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจไม่สามารถรับสารน้ำจำนวนมากในเวลาอันสั้นได้ เพราะอาจเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะที่การรักษาโรคไข้เลือดออกต้องให้สารน้ำ เพื่อบรรเทาอาการ ทำให้การรักษายุ่งยาก

2. โรคความดันโลหิตสูง ภาวะความดันโลหิตสูงกว่าปกติ ทำให้ผู้ป่วยนิ่งนอนใจ เพราะเมื่ออาการโรคไข้เลือดออกรุนแรง ความดันโลหิตของผู้ป่วยจะต่ำลง จนเข้าใจผิดว่าความดันโลหิตนั้นปกติ ทำให้การรักษาล่าช้ากว่าที่ควร

3. โรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายไม่ดี ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ง่าย

Q: ยาอะไรบ้างที่ไม่ควรกินระหว่างมีอาการโรคไข้เลือดออก

A: ห้ามกินยาลดไข้กลุ่มแอสไพริน และยาที่มีฤทธิ์ลดไข้ ปวดเมื่อย ในกลุ่มบรูเฟน เพราะมีผลข้างเคียงให้เลือดออกง่ายและตับวายได้ หากจะกินยาลดไข้ให้กินยาพาราเซตามอล แต่ไม่ควรกินยาบ่อยกว่า 4-6 ชั่วโมง เพราะเป็นอันตรายต่อตับ นอกจากนั้น ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกควรหลีกเลี่ยงยาที่มีสเตียรอยด์ เพราะการกินยานี้จะทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหาร เป็นเหตุให้อาการไข้เลือดออกรุนแรงขึ้นได้

ไข้เลือดออก ผู้สูงอายุ-ผู้สูงอายุ-ไข้เลือดออก
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จะไม่มีอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล เหมือนโรคไข้หวัดใหญ่

Q: วิธีป้องกันผู้สูงวัยจากโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคืออะไร

A: การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย พาหะนำโรคทุกๆ 7 วัน ขณะเดียวกันต้องป้องกันไม่ให้ผู้สูงวัยถูกยุงกัด อาทิ หากผู้สูงวัยนอนกลางวัน ก็ควรนอนในมุ้งหรือในห้อง
ที่ไม่มียุงเข้าไปได้ เพราะโดยธรรมชาติ ยุงลายจะออกหากินในเวลากลางวัน ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงตอนพลบค่ำ

โรคภัยไข้เจ็บใดที่ว่าร้าย ก็ต้องพ่ายหากรู้วิธีป้องกันที่ถูกต้อง


บทความอื่นที่น่าสนใจ

เช็กโรคมากับหน้าฝน ไข้เลือดออก อาการ ที่ต้องสังเกต

วิธีไล่ยุง ป้องกันไข้เลือดออก

ยาจีนลดความร้อน ป้องกัน ไข้เลือดออก

สามารถติดตาม ชีวจิต ในช่องทางอื่นๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.