สังเกตและป้องกัน อาการ ผิวขาดน้ำ ผิวแห้งใช้อะไรดี – ชีวจิต
สำหรับใครที่มีปัญหาผิว โดยเฉพาะ ผิวแห้ง และ ผิวขาดน้ำ แต่คิดว่าเจ้าสองปัญหานี้คือปัญหาเดียวกัน จริงๆ แล้วคือ คนละปัญหานะคะ วันนี้เรามาไขข้อสงสัยให้แล้วว่าต่างกันอย่างไร
ภาวะผิวแห้ง Dry skin ?
อาการผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของผิวพรรณที่มีมาแต่กำเนิด เหมือนกับคนผิวมันหรือผิวผสมนั่นเอง และเกิดจากการที่มีน้ำในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าลดลง โดยปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง ได้แก่ พันธุกรรม เพศ อายุที่มากขึ้น โรคผิวหนัง ไปจนถึงสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น อากาศแห้ง เย็น การอาบน้ำร้อนจัด เป็นต้น
ผู้ที่มีผิวแห้งจะมีผิวหนังที่แห้งกร้าน มองเห็นร่องของผิวชัดเจน และอาการคัน ในบางรายผิวหนังจะมีอาการแดง ลอกเป็นขุย แตกลาย พบมากบริเวณ แขน ขา และมือ นอกจากนี้หากมีอาการมากๆ หรือกระทบกับสิ่งเร้า จะมีอาการแสบคันร่วมด้วย การเกาอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้อีกด้วย
ภาวะผิวขาดน้ำ Dehydrated skin ?
อาการของคนที่มีผิวขาดน้ำ เกิดได้กับคนทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง ซึ่งอาการผิวขาดน้ำ เป็นปัญหาผิวที่ขาดความชุ่มชื้นหรือขาดน้ำใต้ผิวหนัง และเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สภาพอากาศ มลภาวะภายนอก รวมไปถึงการรับประทานอาหารเป็นต้น
สำหรับผู้ที่มีผิวขาดน้ำ ลักษณะผิวจะต่างกับคนผิวแห้ง ก็คือ ไม่ได้มีลักษณะผิวแห้งที่เห็นชัดตั้งแต่ต้น แต่จะมีอาการก็ต่อเมื่อ ผิวหนังชั้นบนสุดที่มีเซลล์คีราติโนไซต์ (keratinocytes) คอยผลิตสารโปรตีนไม่ละลายน้ำ ที่เรียกว่า เคราติน ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิว แต่เมื่อผิวขาดน้ำ คีราติโนไซต์ก็ไม่สามารถผลิตเคราติน เพื่อมาปกป้องผิวได้ ผิวจึงสูญเสียความชุ่มชื้นนั่นเอง จนก่อให้เกิดปัญหาผิวตามมา เช่น ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
รับมืออย่างไรดี
เริ่มจากวิธีป้องกันเบื้องต้นของผิวแห้ง ควรอาบน้ำในอุณหภูมิปกติ ไม่อาบน้ำหรือแช่น้ำนาน ๆ ที่สำคัญด้วยความที่ลักษณะของผิวที่แห้งอยู่แล้ว ฉะนั้นควรทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำในตอนเช้าและตอนเย็น หรือถ้าระหว่างวัน ยังรู้สึกว่าผิวแห้ง ก็สามารถทาโลชั่นเพิ่มได้ตลอด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวสม่ำเสมอ ทั้งนี้ข้อมูลจาก พญ.สัญชวัล วิทยากรฤกษ์ แนะนำว่าควรเลือกใช้โลชั่นที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารกันเสียหรือมีสีเจือปนอยู่ เพราะอาจจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับผิวได้
ในรายที่มีอาการหนัก ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษา เนื่องจากอาจจำเป็นต้องใช้ยาสเตียรอยด์ ลดการอักเสบของผิวหนัง และยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อของผิวหนัง
ส่วนผู้ที่มีผิวขาดน้ำ สามารถจบปัญหาด้วยการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแทนการเพิ่มน้ำมันในผิว โดยวิธีที่ง่ายและไม่แพง คือ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยทั่วไปคือ 8-10 แก้วต่อวัน (ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ในกรณีผู้มีผิวแห้งได้ด้วย)
รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ และใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว ลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และคาเฟอีน เลิกบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีให้มากขึ้น อาทิ เกรปฟรุต มะเขือเทศ เป็นต้น
(อ่านเพิ่มเติม เทคนิค เลือกผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิวแห้ง )
ที่มาข้อมูลเพิ่มเติม
-– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –