เราจะ “พิชิตอ้วน” ได้อย่างไร ภาวะอ้วนในทางการแพทย์แผนจีน ส่วนใหญ่เกิดจากร่างกายมีความชื้น ถ้าจะเปรียบเทียบความชื้นในทางการแพทย์แผนปัจจุบันอาจเปรียบได้กับไขมันนั่นเอง
พิชิตอ้วน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ร่างกายมีความชื้นสะสมเยอะ ให้ลองสังเกตว่า จะรู้สึกแขนขาหนัก ขี้เกียจ ไม่อยากขยับตัว เปลือกตาบวม บางครั้งมีเสมหะในคอ รู้สึกอ่อนเพลีย ท้องอืด แน่นท้อง ขับถ่ายผิดปกติ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย
ตั้งนาฬิกาชีวิตผิด มีสิทธิ์อ้วน
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เราอ้วนหรือมีความชื้นสะสมอยู่มากนั้น มีหลายอย่าง เช่น กรรมพันธุ์เป็นหนึ่งในปัจจัยก่อโรคทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนทางการแพทย์แผนจีน เราอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้เท่าไรนัก แต่ถ้าให้เปรียบเทียบคงอธิบายได้ว่า เริ่มตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ในท้อง แม่กินอาหารอะไร เราก็ได้รับสารอาหารชนิดนั้น เมื่อคลอดออกมาอยู่ในครอบครัว ในบ้านที่กินอาหารเหมือนกัน เราจึงมีโอกาสป่วยเป็นโรคโดยเฉพาะความอ้วนเหมือนพ่อแม่พี่น้องของเรานั่นเอง
และที่สำคัญคือ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาชีวิต การกิน การนอน การพักผ่อน ที่ไม่สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิตย่อมมีผลต่อความอ้วนเช่นกัน
เริ่มจาก เราควรลุกขึ้นมาขับถ่ายระหว่างช่วงเวลาตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า เพราะเป็นเวลาทำงานของลำไส้ใหญ่ ควรกินอาหารเวลาเจ็ดโมงเช้าไปจนถึงเก้าโมงเช้า เพราะเป็นเวลาของการย่อยอาหารที่ม้ามและกระเพาะอาหารทำงานร่วมกัน ถ้าเรากินสายกว่าเก้าโมงเช้าจะทำให้
กระเพาะอาหารและม้ามอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเกิดความชื้นสะสมทันที
หลังจากนั้นควรกินข้าวกลางวันในเวลาเที่ยง ถ้าเรากินข้าวเที่ยงเลยเวลาไปถึงช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงแล้ว จะทำให้ลำไส้เล็กทำงานหนักขึ้น ส่วนมื้อเย็นควรกินน้อย ๆ และควรออกกำลังกายในช่วงห้าโมงเย็นด้วย เพื่อช่วยให้กระเพาะปัสสาวะทำงานขับน้ำและเหงื่อออกมา
ได้ดี
สุดท้ายควรเข้านอนก่อนห้าทุ่ม เพราะหลังเวลาห้าทุ่มไปแล้วเป็นเวลาทำงานของถุงน้ำดี ถ้านอนดึกจะทำให้ถุงน้ำดีทำงานหนัก ไม่สามารถย่อยไขมันได้ และอาจกลายเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี
จะเห็นได้ว่า หากเรากินผิดเวลา นอนผิดเวลา ย่อมส่งผลเสียต่อนาฬิกาชีวิต ทำให้อวัยวะภายในทั้งหมดทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะหากม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ จะทำให้การย่อยไม่ดี ขับความชื้น ไขมัน หรือของเสียออกไม่ได้ และทำให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานผิดปกติ
ดังนั้น ถ้าต้องการลดความอ้วนหรือไขมันสะสมต้องหันกลับมาปรับชีวิตให้เป็นไปตามนาฬิกาชีวิต คือ กินอาหารตรงเวลา เข้านอนตรงเวลา เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ หมอแนะนำให้งดน้ำเย็น น้ำแข็ง ไอศกรีม ของทอด และน้ำตาล เพราะน้ำตาลทำให้เกิดเสมหะ เสมหะก็คือความชื้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมกินน้ำตาลมาก ๆ ถึงทำให้อ้วน
อาหาร + กดจุด ช่วยลดอ้วน
สำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน แพทย์จีนจะใช้การรักษาด้วยยาจีนและการฝังเข็ม เพื่อลดความอยาก
อาหารและทำให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น เมื่อร่างกายเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้วจึงค่อย ๆ ลดยา และต้องแนะนำให้ปรับพฤติกรรมร่วมด้วย
ส่วนคนที่มีภาวะอ้วนทั่วไปแต่ยังไม่ถึงกับเป็นโรคอ้วน หมอแนะนำให้กินลูกเดือย จะนำมาทำเป็นโจ๊กหรือหุงกินแทนข้าวก็ได้ โดยแช่ลูกเดือยทิ้งไว้ 1 คืน แล้วค่อยนำมาหุงในหม้อหุงข้าวปกติ แต่ต้องใส่น้ำเพิ่มเหมือนเวลาเราหุงข้าวต้ม เพราะลูกเดือยสุกยาก
ลูกเดือยจะช่วยดูดความชื้น บำรุงกระเพาะ อาหาร จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
นอกจากนี้ สามารถใช้การกดจุดเพื่อช่วยให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานดีขึ้น แนะนำจุดกดจุดดังนี้
จุดจู๋ซานหลี
ตำแหน่ง : อยู่ที่หน้าแข้งด้านนอก ห่างจากสันกระดูกหน้าแข้ง (กระดูก Tibia) ออกมา 1 ข้อ
นิ้วกลาง ใต้ขอบล่างของสะบ้าหัวเข่าลงไป 3 ชุ่น หรือ 4 นิ้วมือ
สรรพคุณ : บำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยย่อย บำรุงร่างกาย บำรุงชี่ลมปราณ ลดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง จุกเสียด ท้องผูก ท้องเสีย เป็นต้น
วิธีกดจุด : กดคลึงเบา ๆ ประมาณเซตละ 3 – 5 นาที ทำซ้ำ 3 เซต วันละ 3 ครั้ง เช้า – กลางวัน – เย็น ก่อนหรือหลังมื้ออาหาร
จุดอินหลิงเฉวียน
ตำแหน่ง : อยู่ใต้กระดูกสะบ้าบริเวณใกล้ข้อพับเข่า
สรรพคุณ : บำรุงม้าม ช่วยย่อยอาหาร ขับความชื้น
วิธีกดจุด : กดคลึงเบา ๆ ประมาณเซตละ 3 – 5 นาที ทำซ้ำ 3 เซต วันละ 3 ครั้ง เช้า – กลางวัน – เย็น ก่อนหรือหลังมื้ออาหาร
นอกจากนี้ เราควรออกกำลังกายร่วมด้วยส่วนรูปแบบการออกกำลังกายนั้น ก็แล้วแต่ความชอบ หรือความถนัดของแต่ละคน และอย่าลืมว่า ต้องมีสติในการกินนะคะ อย่ากินจนเกินอิ่ม ควรหยุดกินก่อนอิ่ม เราก็จะอิ่มพอดี ซึ่งดีต่อสุขภาพเป็นที่สุด
เรื่อง แพทย์จีนนภษร แสงศิวะฤทธิ์ ภาพ iStock เขียนลงเว็บ เนื้อทอง ทรงสละบุญ
ชีวจิต 459 นิตยสารรายปักษ์ ปีที่ 20 : 16 พฤศจิกายน 2560
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
บทความน่าสนใจอื่นๆ
สูตรกินลดอ้วน + ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมใน 5 สัปดาห์