ข้อเสื่อม

ชวนรักษา คอลลาเจน ชะลอ ข้อเสื่อม ผิวหย่อนคล้อย

ชวนรักษา “คอลลาเจน” ชะลอ ข้อเสื่อม ผิวหย่อนคล้อย

วันนี้ชวนมาทำความรู้จักกับคอลลาเจน และความสำคัญในการช่วยชะลอ ข้อเสื่อม ชะลอผิวหย่อนคล้อย แล้วเราจะรักษาให้อยู่กับเรานานๆ ได้อย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

รู้จักคอลลาเจน

พูดถึงคอลลาเจน หลายคนจะคิดถึงเรื่องความงาม ผิวเด้ง ผิวฉ่ำ แต่ที่จริงแล้ว คอลลาเจน ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เรื่องบิวตี้ แต่ยังจำเป็นต่อกระดูก และข้อต่อด้วยค่ะ และคอลลาเจนก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของน้ำเลี้ยงข้อ ที่ทำให้เคลื่อนไหวข้อเข่าได้อย่างสะดวก

คอลลาเจน ที่จริงแล้ว คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน และเส้นผม ช่วยทำให้ผิวหนังคงความเต่งตึง ยืดหยุ่นเรียบเนียน กระชับ อีกทั้งยังเป็นองค์ประกอบของกระดูกกระดูกอ่อน จึงมีการนำคอลลาเจนไปใช้ในคนไข้โรคข้อเข่าเสื่อม คนที่มีภาวะกระดูกบางหรือกระดูกเปราะ โดย ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นเองได้จากอาหารหลายประเภท

ขนิดของคอลลาเจน

เมื่อมีคอลลาเจนอยู่ในหลายๆ อวัยวะ ซึ่งแต่ละส่วนก็เป็นชนิดที่แตกต่างกัน โดยคอลลาเจนมีด้วยกัน 5 ชนิด คือ

ชนิดที่ 1 (type I) เป็นคอลลาเจนที่พบได้มากที่สุด คิดเป็น 90% ของคอลลาเจนในร่างกาย ช่วยในการเสริมความสร้างความยืดหยุ่นให้กับเนื้อเยื่อ ให้ผิวนุ่มเด้ง ไร้ริ้วรอย และช่วยในการสมาแผล เรียกได้ว่าเป็นคอลลาเจนแห่งความสวย ความงามเลยล่ะค่ะ

ชนิดที่ 2 (type II) พบในกระดูกอ่อน เป็นส่วนประกอบของอวัยวะที่มีกระดูกอ่อนๆ เช่น หู จมูก เป็นต้น นอกจากนั้นยังพบมากใน หลอดลม กระดูกซี่โครง ทำหน้าที่ลดความเสื่อมของกระดูกอ่อน และอาการที่เกี่ยวกับข้ออักเสบ พบได้ในกระดูกอ่อน และหมอนรองกระดูก

ชนิดที่ 3 (type III) เป็นคอลลาเจนที่มักพบคู่กับคอลลาเจนชนิดที่ 1 คือในบริเวณผิวหนัง นอกจากนั้นยังพบได้ใน ผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย

ชนิดที่ 4 (type IV)  เป็นคอลลาเจนที่พบได้ในเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ มีหน้าที่แปลกกว่าคอลลาเจนอื่นๆ คือ ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และเส้นเลือด

ชนิดที่ 5 (type V) เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ พบในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และเส้น

ขนาดของคอลลาเจน

นอกจากชนิดคอลลาเจนแล้ว ขนาดของโมเลกุลก็มีความสำคั เนื่องจากความเล็ก ความใหญ่ของโมเลกุลนี้มีผลต่อการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นแล้ว ก่อนเลือกซื้อจึงต้องเลือกดูเพื่อไม่ให้เป็นการกินคอลลาเจนที่สูญเปล่า

  1. Collagen Peptide เป็นคอลลาเจนที่มีขนาดโมเลกุล 3000- 5000 ดาลตัน มีอนุภาคใหญ่
  2. Collagen Tripeptide คือเป็นคอลลาเจนที่มีมีขนาดโมเลกุล 500- 1000 ดาลตัน ดูดซึมได้ดีกว่า 3-5 เท่าเมื่อเทียบกับคอลลาเจนทั่วไป
  3. Collagen Dipeptide คือเป็นคอลลาเจนขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด 200 ดาลตัน ทำให้มีประสิทธิภาพในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีและเร็วที่สุด

เมื่อไรที่คอลลาเจนเริ่มไม่พอ

คนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไปพบว่าการสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลงหรือในผู้ที่มีปัจจัยบางอย่างทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย เช่นผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่มีความเครียด ผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นต้นจึงได้รับคอลลาเจนที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียนและเกิดริ้วรอยได้!

ข้อเสื่อม

กลุ่มเสี่ยง ขาดคอลลาเจน

อย่างที่บอกว่า เมื่ออายุเข้าสู่เลข 3 ร่างกายผลิตคอลลาเจนน้อยลง ทำให้คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ขาดคอลลาเจน สังเกตสิ พอเริ่ม 30 แล้ว จะลุก จะเดิน มันได้ยินเสียงกร๊อบๆ แกร๊บๆ ของข้อเข่าลั่น แต่นอกจากนั้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ขาดคอลลาเจนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

การตากแดด เพราะรังสี UV จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนได้ รวมถึงการสูบบุหรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ นอกจากนั้นแล้ว ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ไม่ออกกำลังกาย ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำลายคอลลาเจนได้อีกเช่นกัน

แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อร่างกายขาดแคลนคอลลาเจน มักนำปัญหามาให้ อย่างแรกเลยคือ เกิดริ้วรอยบนผิวหนัง ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ไม่กระชับ ในส่วนของกระดูก จะทำให้เกิดกระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ น้ำเลี้ยงข้อน้อยลง รวมถึงทำให้เกิดปัญหาสำคัญอย่าง โรคข้อเข่าเสื่อม

หาได้จากที่ไหนบ้าง

  1. ร่างกายสามารถสร้างได้เอง
  2. ได้รับจากอาหารทั่วไป จำพวกเนื้อสัตว์ ผักผลไม้บางชนิดปลาทะเลน้ำลึกเช่นปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู สาหร่ายทะเล เห็ดบางชนิด ผักใบเขียวเช่น ผักโขม ผักปวยเล้ง คะน้า บล็อคโคลี่ เป็นต้น
  3. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน ที่พบตามท้องตลาดมักมาจากหนังปลา เกล็ดปลา หนังวัว หนังหมู กระดูกวัวเป็นต้น

คำแนะนำเกี่ยวกับการกินคอลลาเจน

  1. ตามคำแนะนำขององค์การอาหารและยาแนะนำว่าผู้ที่ต้องการกินคอลลาเจนเสริม สามารถกินเป็นอาหารเสริมได้ 5,000-7,000 มิลลิกรัม/วัน แต่ไม่ควรเกิน 10,000 มิลลิกรัม/วัน เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้
  2. ควรเลือกกินที่เป็นคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed collagen)เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนสายยาว โดยสังเกตที่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์ตอนซื้อ
  3. ควรกินตอนท้องว่างแล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ หรือกินควบคู่กับวิตามินซี เพื่อการดูดซึมที่ดี

พฤติกรรมที่ช่วยรักษาคอลลาเจนในร่างกาย

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดด
  2. อย่าเครียดหรือเครียดให้น้อยลง
  3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  4. กินอาหารที่มีประโยชน์ หรือกินให้ครบ 5 หมู่
  5. ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


บทความอื่นที่น่าสนใจ

3 วิธี ออกกำลังกายในน้ำ ลดหุ่น ป้องกันข้อเข่าเสื่อม

เทคนิคขยับกาย คลาย ปวดข้อรูมาตอยด์

ท่าบริหารข้อเท้า และหัวเข่า ทำทุกวัน ไม่มีปวด

ติดตามชีวจิตได้ที่

Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.