ประสบการณ์สุขภาพ
ชีวจิตช่วยสร้างสมดุลชีวิต สยบก้อน เนื้องอก
เนื้องอก ที่หน้าอกเป็นประสบการณ์สุขภาพซึ่งเกี่ยวข้องกับคนในแวดวงนักร้องที่เป็นที่รู้จัก ในบ้านเรามีดาราหรือนักร้องน้อยคนนักที่คุ้นเคยและใกล้ชิดชีวจิตจริง ๆ ส่วนใหญ่ออกแนวรักสุขภาพและพยายามสร้างสมดุลให้ชีวิตตามแนวชีวจิตเท่านั้นเอง
ต่างจากนักร้องสาว ลุลา กันยรัตน์ วัย 32 ปี ในขณะนั้น คุณแม่ของเธอเป็นหนึ่งในแกนนำสมาชิกชมรมชีวจิตที่ใกล้ชิดอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิตของเรามาก ๆ เธอจึงได้รับการปลูกฝังแนวทางการใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่นิตยสารนำเสนอตลอดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำ
เรามาฟังเรื่องราวของเธอไปพร้อมกัน
ชีวจิตจากคุณแม่
ตอนแรกคุณแม่จะออกแนวบังคับ ให้ดื่มน้ำอาร์ซีน้ำมะระคั้น ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ ม.ปลาย เพราะคุณแม่เต็มที่กับชีวจิตมาก เขาคิดว่าให้ลูกมีสุขภาพที่ดีดีกว่าบอกตามตรง ร้องไห้เลย เพราะตอนนั้นเกลียดมะระมาก
ต่อมาเรียนจบ ช่วงทำงานอีเว้นต์ เราก็ใช้ชีวิตหนักหน่วงมาก ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ คุณแม่ก็พยายามให้เปลี่ยนไปทำงานเป็นสาวออฟฟิศ เช้าเข้างาน เย็นกลับบ้าน เราก็ไม่เข้าใจ ดื้อ ขวางโลก
แม่จะเตือนว่า เป็นผู้หญิงนะ ต้องกินให้ดีนิดหนึ่งออกกำลังกายบ้าง นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เหล้าบุหรี่ก็ต้องระวัง ซึ่งเราไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว เพราะเป็นนักร้องแต่เหล้าเบียร์ก็มีบ้าง คือใช้ชีวิตแบบวัยเริ่มทำงานทั่วไปยิ่งช่วงทำงานอีเว้นต์จะได้กินข้าวกล่องตลอด
เพราะเรียนเต้นมาแต่เด็ก เลยไม่สนใจการออกกำลังกายอย่างอื่นเลย เพราะคิดว่าการเต้นก็พอแล้ว เมื่อโตขึ้นไม่ได้เต้นแล้วฉะนั้น เรื่องการขยับตัวแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยไม่มีอยู่ในสารบบ
เคยลองเล่นฟิตเนสหลายรอบแล้ว ไม่ชอบเลย ต่อมาช่วงหนึ่งแม่เป็นผู้นำรำกระบอง ก็ให้ตามไปรำกระบองที่สวนสาธารณะด้วยซึ่งจะมีท่าของเขา เอ้า ถู ถู ถู (ท่าจูบสะดือ) ถ้าว่างก็ตามไปด้วยไม่ว่างก็ไม่ได้ไป บางทีรำที่บ้านกันด้วย เพราะตอนนั้นเขาฟิตและอยากให้คุณพ่อทำด้วย ซึ่งต่อมาเมื่อเริ่มทำงาน เราก็ห่างจากตรงนั้นไป
ตอนอายุยี่สิบปลาย ๆ ช่วงก่อนมาเป็นนักร้อง เราเริ่มมีอาการไซนัสอักเสบ มีก้อนเนื้อที่หน้าอก คุณแม่พาไปหาอาจารย์สาทิสท่านบอกว่า ต้องกินอาหารอย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ งดเหล้าบุหรี่นะเราก็เริ่มเรียนรู้
ชีวจิตมือใหม่
เมื่อสองสามปีที่แล้ว เราเริ่มรู้สึกว่าใช้ร่างกายมาคุ้มแล้ว จึงหาหมอจริงจังดูแลสุขภาพ พยายามกินมังสวิรัติ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องลดน้ำหนัก เช่น ทำอัลบั้มถ่ายมิวสิควิดีโอ เราเลยกินแต่ผักผลไม้ กินเนื้อสัตว์สองสามวันครั้งหนึ่ง โชคดีที่พ่อแม่ปลูกฝังให้กินแบบนี้มา เลยง่ายสำหรับเรา ไม่เหมือนเพื่อนบางคน กินไม่ได้เลย
ระหว่างที่มีก้อนเนื้ออยู่ในหน้าอก ระบบในร่างกายจะรวนๆ ประจำเดือนมาไม่ปกติ คือปกติผู้หญิงเราต้องมีช่วงนั้น แล้วแต่คน บางคนทุก 30 วันหรือ 45 วันแต่ของเรามันวงในปฏิทินไม่ได้เลย ไม่เคยตรง
ไปตรวจอัลตราซาวนด์ หมอบอกว่าผู้หญิงจะมีไข่ตก แต่ของเรามันไม่ตกมันไปรวมกันอยู่เพิ่มขึ้น ๆ ทุกเดือน ทำให้ระบบประจำเดือนรวน และการที่มันไม่ตก ผนังมดลูกจะหนาขึ้นๆ ก่อโรค อาจกลายเป็นมะเร็งในอนาคต ทั้งเต้านมปากมดลูก คราวนี้เลยกลัวแล้ว เยอะแยะไปหมด
แล้วอาจารย์สาทิสก็ยังไม่ให้ผ่าตัดออก ซึ่งมาคิดว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ เราดูแลตัวเองทั้งเรื่องการกินและการออกกำลังกายดีไหม กินอาหารที่มีคุณภาพมากขึ้นข้าวกล่องก็ลดลงไป โดยเฉพาะตอนหลังเราแพ้ผงชูรส ซึ่งเชื่อว่าในข้าวกล่องมีทุกเจ้า และการเลือกกินแบบนี้ทำให้เราต้องทำอาหารกินเอง
และเริ่มออกกำลังกาย โอเค ฟิตเนสไม่ชอบ แล้วมีการออกกำลังกายอย่างอื่นอีกไหมที่เราทำได้และอยากทำ จึงลองขี่จักรยาน ความจริงคุณแม่เคยขี่มาก่อนแล้วเขาขี่หนักมากจนเกิดอุบัติเหตุ อันตรายมาก
แต่ของเรา ปรับเป็นลักษณะขี่จักรยานชมเมือง พักผ่อนหย่อนใจ โดยไปกับกลุ่มเพื่อนของเราเองน่ะค่ะ ซึ่งจะเป็นทุกวันพุธกลางคืน เราขี่ออกนอกเมือง ไปกินขนมกัน แล้วก็กลับเข้าเมือง ได้ผ่อนคลาย ได้ออกกำลังกาย ยิ่งตอนก่อนเข้าบ้าน เราจะไปพักที่หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อนๆ นั่งคุยกัน เราก็ขี่รอบ ๆ พระบรมรูป 20 - 30 รอบให้เหงื่อออก
ตอนนี้เริ่มขี่ม้า ซึ่งจะช่วยตรงต้นขา แล้วได้เหงื่อด้วย ตอนนี้ยังไม่ได้ลงหลักปักฐานขี่ม้าที่ไหน ยังไม่จริงจังมาก แต่ชอบ เพราะขี่ม้าให้ประโยชน์หลายอย่างการทรงตัว สมาธิ เหมือนการขี่จักรยาน ลมพัดเย็น ๆ อิสระ ๆ
ช่วงหลังมานี้ลองปีนผาจำลองด้วย ซึ่งได้กล้ามเนื้อ โดยเล่นกีฬาพวกนี้น้ำหนักตัวจะต้องพอดี ขึ้นมากไม่ได้เลย ไม่งั้นปีนไม่ไหว
ตอนนี้ที่ติดมากๆ ถ้าไม่ทำแล้วจะครั่นเนื้อครั่นตัวคือ วิ่ง เป็นการวิ่งเหยาะ ๆในสวนที่ร่มรื่น วันละ 5 กิโลเมตร เป็นการวิ่งออกกำลังกายธรรมดา ไม่มีเทรนเนอร์หรอก เพราะช่วงที่ต้องลดน้ำหนัก เราคิดว่า ถ้าลดแล้วผอม ๆ บาง ๆก็ไม่ใช่เรา ต้องมีกล้ามเนื้อด้วย
ชีวจิตช่วยสมดุล
ชีวิตช่วงนี้เลยค่อนข้างสมดุล ช่วงไหนทำงานหนักเกินไป ก็จะขอลางานที่ค่ายเพลง (สนามหลวงการดนตรี) เพื่อให้ทำงานน้อยลงแล้วใช้เวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น
พอเริ่มคอนโทรลชีวิตได้มากขึ้น ก็เริ่มเปิดรับสิ่งที่คุณแม่พยายามจะบอกมากขึ้นสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เขายังกังวลเรื่องที่เรารับงานเยอะ เพราะเป็นนักร้อง บางทีก็เลือกไม่ได้ว่าจะต้องอยู่แต่ในกรุงเทพฯ
อย่างเดียว บางทีต้องบินไปร้องเพลงที่โน่นนั่งรถตู้ไปทำงานที่นี่ตลอด
ก้อนเนื้อที่หน้าอกก้อนนั้นยังเป็นเซลล์ปกติ ไม่โตไปกว่าเดิม เราก็เชื่อว่ามันเป็นผลมาจากการดูแลตัวเองที่ดีค่ะ
เรื่องราวการดูแลสุขภาพของเธอจบลงอย่างแฮ็ปปี้เอนดิ้งตามแนวทางชีวจิตเหมือนหนังทริลเลอร์หลาย ๆ เรื่อง แม้ตัวร้ายยังอยู่แต่ก็หยุดการอาละวาดลง ตัวละครเอกในเรื่องก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
เราไม่เชื่อว่าจะมีภาคต่อไป แต่จะเป็นเรื่องราวใหม่ที่ลุลามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงสนุกกับการทำงานที่รัก และประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต
จากคอลัมน์ On The Cove นิตยสารชีวจิต ฉบับ 346 (1 มีนาคม 2556)
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
(เหมือน) ตายแล้วเกิดใหม่ รอดจาก อัมพฤกษ์ ได้เพราะชีวจิต