เยียวยา ไซนัส ขั้นรุนแรงด้วยน้ำอาร์ซีชีวจิต
ไซนัส อักเสบขั้นรุงแรง ประสบการณ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับไอเท็มสุขภาพของชีวจิตโดยตรง ในชีวิตประจำวันของเราจำเป็นต้องดื่มน้ำเปล่าเพื่อสุขภาพที่ดี นอกจากนี้เรายังมีเครื่องดื่มประจำตัวที่แตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน บางคนชอบดื่มน้ำผลไม้ บางคนชอบดื่มน้ำอัดลม และบางคนชอบดื่มนม
หากวันหนึ่ง…คุณได้มีโอกาสลิ้มลองเครื่องดื่มที่รสชาติไม่ถูกใจนัก แต่เสมือนน้ำวิเศษเสกเปลี่ยนชีวิต จากคนที่มีโรคประจำตัวเป็นคนที่สุขภาพดี คุณจะยอมเลือกสิ่งที่ดีกว่านี้ไหม
สำหรับ คุณบุญเลิศ สมบัติพิบูลพร ชายวัย 46 ปี (ในขณะนั้น) ที่ป่วยเป็นไซนัสอักเสบมานานกว่า 4 ปี เขาเลือกเครื่องดื่มที่อาจไม่คุ้นลิ้น แต่ให้ประโยชน์มหาศาล นั่นก็คือน้ำอาร์.ซี. ที่เขาดื่มเป็นประจำทุกวันจนอาการป่วยดีขึ้นเรื่อยๆ…กระทั่งหายขาด ชีวิตของคุณบุญเลิศจึงพบกับความสุขเมื่อพบน้ำอาร์.ซี.
ก่อนรู้จักน้ำอาร์ซี
ก่อนที่จะรู้จักน้ำอาร์ซี คุณบุญเลิศป่วยเป็นภูมิแพ้เรื้อรังมานานหลายปี จนก่อโรคเป็นไซนัสอักเสบที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องพักงานเพื่อรักษาตัว ซึ่งหลากหลายอาการที่แสดงออกมานั้น สร้างความทรมานกายและใจให้แก่เขาเป็นอย่างมาก
เริ่มแรกจะเป็นภูมิแพ้ก่อน และเพิ่งเป็นไซนัสเมื่อ 4 ปีมานี้
พออากาศเปลี่ยนจะรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นหวัด คนทั่วไปเวลาเป็นหวัดจะมีอาการหนักศีรษะและหายใจไม่ค่อยสะดวก แต่คนที่เป็นไซนัสเป็นมากกว่านั้น คือจะอักเสบในโพรงจมูก พออักเสบปุ๊บจะทำให้เป็นหนอง จากนั้นจะมีอาการปวดศีรษะ มึน และหน้าจะบวมๆ ยิ่งถ้าเป็นแบบรุนแรงจะทำงานไม่ได้เลย ผมเคยหยุดงานไป 4 วัน และต้องนอนอย่างเดียวเลย
คุณบุญเลิศจึงจำเป็นต้องไปพบหมอเป็นประจำทุกเดือนไม่เคยขาด ยาที่หมอจ่ายให้ก็มีผลข้างเคียง ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายอยากหายขาดจากโรคนี้เสียที
เมื่อปรึกษาหมอเจ้าของไข้เกี่ยวกับวิธีการรักษา หมอให้คำแนะนำว่า ต้องผ่าตัดเปิดจมูกแล้วล้างโพรงจมูก จะทำให้หายใจสะดวกขึ้น และบอกว่าโรคนี้ไม่มีทางรักษาหายขาด หากภูมิคุ้มกันดีขึ้นก็จะส่งผลดีคือเป็นน้อยลงเท่านั้น
แต่แล้วคุณบุญเลิศก็ตัดสินใจไม่ทำตามคำแนะนำของหมอ ผมกลัวการผ่าตัด และถ้าผ่าแล้วก็แค่ดีขึ้น คิดไปคิดมาเลยไม่ทำ
คุณบุญเลิศจึงอยู่กับอาการไซนัสอักเสบนี้ต่อไป และใช้ชีวิตเฉกเช่นคนวัยกลางคนทั่วไปที่ทำงานมุ่งสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว
หันเหหาสิ่งที่ดี
การทำงานหนักทำให้คุณบุญเลิศไม่มีเวลาใส่ใจดูแลตัวเองเท่าที่ควร ส่งผลให้อาการป่วยยิ่งทวีขึ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้ยินประโยคหนึ่งออกจากปากภรรยา ซึ่งเป็นประโยคที่ทำให้หันกลับมาทบทวนตัวเอง
ภรรยาของผมบอกว่า เฮียไม่มีเวลาให้ตัวเอง แล้วร่างกายจะเหลืออะไร เป็นคำพูดประโยคเดียวที่ทำให้ผมคิดได้ เราให้เวลาคนอื่นได้ แต่เวลาสำหรับตัวเองไม่มี
คุณบุญเลิศจึงทำความเข้าใจและเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตใหม่ จากที่เคยคิดว่าความรวยจะนำความสุขมาให้ ก็เปลี่ยนเป็นการมีสุขภาพดีทำให้ชีวิตมีสุขแทน
ทำใจได้ว่าเราคงมีความสุขด้วยความรวยไม่ได้ เลยเปลี่ยนความคิดใหม่ ก็คือสุขภาพดีมีความสุข
คุณบุญเลิศจึงปรับการดำเนินชีวิตใหม่ด้วยการทำงานน้อยลง และหันมาสนใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น โดยเริ่มคิดหาวิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่ทำให้อยู่กับโรคนี้ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการออกกำลังกายเป็นวิธีแรกที่เขาเลือกทำ
สุดท้ายก็เลยคิดหาวิธีดูแลเอง คุณหมอบอกว่าต้องเพิ่มภูมิให้กับร่างกาย ก็เลยลองออกกำลังกายดูก่อน แต่ก็รู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
ภรรยาของคุณบุญเลิศจึงช่วยคิดหาวิธีการใหม่ โดยการหาข้าวอาร์ซี มาต้มให้ดื่ม ซึ่งคุณบุญเลิศก็ให้ความร่วมมือด้วยการดื่มแต่โดยดี เพราะเห็นความตั้งใจของภรรยาที่รักและห่วงใย แต่ละวันเขาจะดื่มน้ำอาร์ซีสองแก้ว คือตอนเช้ากับตอนเย็น
เดี๋ยวจะหาว่ารักเราห่วงเราแล้วเราไม่ฟังเขา ก็เลยดื่มแรกๆ ก็ไม่อร่อย แต่ก็พอดื่มได้ เขาต้มให้เราดื่มตอนเช้าแทนกาแฟ ดื่มเสร็จประมาณสามสี่โมง เย็นก็ดื่มอีก

อาร์ซีเปลี่ยนชีวิต
หลังจากที่คุณบุญเลิศดื่มน้ำอาร์.ซี. เป็นประจำทุกวันมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ก็เริ่มเห็นผลดี คือไซนัสอักเสบไม่มีอาการกำเริบที่เขาเองก็สังเกตเห็น แต่พยายามไม่ทำใจให้เชื่อว่าเป็นเพราะการดื่มน้ำอาร์.ซี. มากไปนัก และพยายามดื่มต่อไปเพื่อตอกย้ำความแน่ใจ
อาทิตย์แรกๆ ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลังจากสองอาทิตย์ คำถามก็เริ่มเกิดว่าทำไมไม่เป็นไซนัส ก็เดาว่าสงสัยอากาศเปลี่ยน พยายามไม่เข้าข้างน้ำอาร์.ซี. หลังจากนั้นก็ดื่มไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด และเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เขาเริ่มแน่ใจว่าน้ำอาร์.ซี. ช่วยยับยั้งอาการไซนัสอักเสบ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งยาหมออีกต่อไป
ผ่านไปเดือนหนึ่งก็ไม่เป็นอะไรเลย จนหมอที่รักษาประจำถามหา ผมไม่ได้ทานยาอะไรเลย ทานแต่น้ำอาร์.ซี. ทานไม่หยุดเลยนะ
จนเวลาล่วงเลยไปหลายเดือน คุณบุญเลิศก็ยิ่งมั่นใจ และข้อพิสูจน์ที่ทำให้เขาเชื่อมั่นคือโรคหวัดที่ลาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ดื่มไปเดือนครึ่งแล้ว เราก็มีความมั่นใจว่ามันหายไป เข้าเดือนที่สองก็ไม่เป็น เข้าเดือนที่สามก็ไม่เป็น สงสัยมากที่สุดคือหวัดไม่มาเยี่ยมอีกเลย
ปกติฝนตกจะเริ่มมีอาการฟึดฟัดๆ ละอองฝนมาโดนปั๊บจะรู้สึกหน่วงๆ ที่ดั้งจมูก เป็นอาการเตือนว่าเริ่มเป็นหวัด อาการพวกนี้ไม่มีอีกเลย หายไปเลยนะ หลังจากเดือนหนึ่งที่เราสังเกตตัวเอง เหมือนกับว่าเราไม่เคยเป็นหวัดเลย ข้อนี้เห็นชัดเจน