วิธีกิน วิตามิน บี บำรุงสมองและประสาท แก้อาการชา
เป็นคำถามจากหลังบ้านเฟซบุ้คค่ะ ถามว่า “ผู้ชาย อายุ 67 ปกติดี ไม่เป็นโรคอะไรเลย ขอบๆมือเท้าเริ่มชาแล้ว ผู้รู้บอกให้กิน วิตามิน บี 1 2 และ 12 อีกคนบอกกินวิตามินบี 12 และสารอาหารสำคัญที่สุด ให้กินเมทิลโคบอน (Methycobal) คำถามคือ จะทำอย่างไรดี มี วิธีกินวิตามินบี แก้อาการชาไหมครับ”
บ.ก. ขอตอบ
ก่อนจะตอบว่าอะไร และอย่างไร ขอถอยไปอธิบาย เพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อนนะคะ บ.ก.พบว่า สารอาหารทุกตัวทำงานสัมพันธ์กันหมด การมีอาการผิดปกติบางอย่าง สะท้อนความบกพร่องของระบบการทำงานของอวัยวะบางอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่ในยุคที่อาหารจากระบบอุตสาหกรรมไหลบ่าเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันแบบทุกวันนี้ ผู้ที่มีอาการไม่สบายกาย (รวมทั้งไม่สบายใจ) พบว่า เป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคที่เรียกว่า degenerative disease หรือโรคความเสื่อม เช่น เบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง-ต่ำ มะเร็ง ภูมิแพ้ อัลไซเมอร์ แก่ก่อนวัย มักมีสาเหตุมาจากอาหารที่เรากิน
อาหารในชีวิตประจำวัน ที่มักมาจากการกินที่ไม่ถูกต้อง และไม่ครบถ้วนด้วยสารอาหารหลัก 6 อย่าง (นั่นคือ 1. คาร์โบไฮเดรต (เชิงซ้อน) 2. โปรตีนที่ดี 3.ไขมันดี 4.วิตามินจากพืชผักธรรมชาติ 5. เกลือแร่จากอาหารธรรมชาติ 6.น้ำเปล่า) รวมทั้งอาหารจากระบบอุตสาหกรรม ที่มักเติมนั่นเติมนี่ แล้วบอกว่า “ดีกว่า” หรือลดนั่นลดนี่ แล้วบอกว่า “ปลอดภัยกว่า” จะทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารไม่สมดุล บ้างอาจเกินไป บ้างอาจไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบบางอย่างในร่างกายลดประสิทธิภาพการทำงานลง ก่อให้เกิดอาการผิดปกตินานา
วิตามิน กินให้ถูก
เข้าเรื่องการกินวิตามิน ในประวัติศาสตร์ของการค้นพบวิตามินของนักวิทยาศาสตร์ พบว่า วิตามินดี และ บี ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1900 ซึ่งสามารถป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาทได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็ค้นพบวิตามินเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบเม็ดที่มีขนาดปริมาณสูง และกินง่าย เหมือนการกินยาทั่วไป
อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบและบทบาทของวิตามิน เป็น cofactors คือ ต้องทำงานร่วมกับสารอาหารอื่นๆ ไม่สามารถทำงานเดี่ยวๆ ตามลำพังได้
ปกติ เราได้รับวิตามินจากการกินผักและผลไม้ในชีวิตประจำวัน โดยผักและผลไม้ที่มาจากการปลูกแบบเคมี จะให้สารอาหารน้อยกว่าผลผลิต ที่มาจากการปลูกแบบออร์แกนิกหรืออินทรีย์ เนื่องจากในกระบวนการปลูกแบบเคมีนั้น สารเคมีไม่ว่าจะจากปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลง จะไปลดแร่ธาตุบางตัวในดิน ทำให้ผักหรือผลไม้จากดินดังกล่าว ให้สารอาหารต่อร่างกายมนุษย์น้อยลง
และถ้าเราคิดว่าเรากินผักผลไม้หลากหลายแล้ว แต่ทำไมยังขาดสารอาหารบางอย่างอยู่ นั่นก็แปลว่า ผักผลไม้ที่กินนั้นให้สารอาหารน้อย ไม่เพียงพอต่อร่างกายนั่นเอง
นอกจากนี้ การกินแป้งขัดขาวและของหวานมากเกินไป ก็จะทำให้ร่างกายขาดวิตามินและเกลือแร่ได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากในกระบวนการย่อยและดูดซึมอาหารประเภทแป้งขัดขาวและของหวาน ร่างกายจำเป็นต้องระดมสรรพวิตามินและเกลือแร่มากมายกว่าปกติ เพื่อให้การย่อยและดูดซึมในครั้งนั้นๆ สมบูรณ์
ลองคิดดูสิว่า ถ้ากินแป้งขัดขาว (อย่างเดียว) และ/หรือ ของหวาน (อย่างเดียว) ติดต่อกันทุกวัน เป็นเดือนๆ ปีๆ 10 ปี 20-30 ปี เราจะต้องใช้สรรพวิตามินและเกลือแร่มากมายขนาดไหน โดยเฉพาะหากผักผลไม้เหล่านั้นมาจากแหล่งที่ให้สารอาหารน้อย และเราก็กินวันละนิดน้อย…เศร้าไหมคะ รู้สึกไหมว่าที่ผ่านมา เราบริโภคผิด