8 สาเหตุ ปากแห้งแตก แก้ด้วย 4 วิธีธรรมชาติ
ปากแห้งแตก คือภาวะริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น ตึง แห้ง ลอกเป็นขุย เป็นแผ่น หากเคลื่อนไหวริมฝีปากมากๆ ก็อาจแตกปริทำให้มีเลือดไหลซึมออกมา เมื่อหายแล้วอาจทิ้งรอยด่างดำและดูหมองคล้ำไม่สดใส
ทำไมริมฝีปากจึงแห้งแตกได้ง่าย
ริมฝีปากไม่มีต่อมไขมันช่วยสร้างน้ำมันเพื่อปกป้องเหมือนกับผิวหนังส่วนอื่นๆ ทั้งยังต้องสัมผัสกับอาหาร ตลอดจนสารเคมีต่างๆ นอกจากนั้นปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเคยตัวบางอย่างก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน
ตัวการทำริมฝีปากแห้งแตก
อย่ามองข้ามของใช้หรือพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุที่แท้จริง
1. การดื่มน้ำน้อย
เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น เพราะบริเวณริมฝีปากจะสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงได้ง่าย
2. ลม ฟ้า อากาศ
อากาศร้อนลมแรงทำให้สูญเสียความชุ่มชื้น ขณะที่อากาศเย็นและแห้งอย่างในฤดูหนาวทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี แม้แต่คนที่นั่งทำงานในสำนักงานที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ก็มีริมฝีปากแห้งแตกได้เหมือนกัน
3. แสงแดด
การถูกแสงแดดเป็นเวลานานต่อเนื่องกัน หรือบ่อยครั้ง ทำให้ริมฝีปากสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสียูวี) ซึ่งเป็นตัวทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดรอยเหี่ยวย่น
4. ลิปสติกและลิปบาล์ม
ลิปสติกโดยเฉพาะที่มีคุณสมบัติทาติดทนนานอยู่ได้ทั้งวันอาจมีสี น้ำหอม ลาโนลิน (ที่ให้ความชุ่มชื้น) และสารกันบูดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ แห้งแตกได้
ลิปบาล์มทั่วไปมีสารสำคัญที่เป็นตัวดูดความชื้นจากริมฝีปาก นี่เองที่ทำให้เราต้องทาลิปบาล์มอยู่บ่อยๆ หากใช้จนติดเป็นนิสัยหรือในระยะยาวอาจทำให้ริมฝีปากแตกแห้งมากขึ้น
5. ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก
การแห้งแตกอาจเกิดจากการแพ้ฟลูออไรด์ (ซึ่งพบได้น้อย) แพ้แอลกอฮอล์ สารที่ทำให้เกิดฟอง สารที่ให้ความสดชื่นหรือให้รสซ่าก็ได้
6. การเลียริมฝีปาก
วิธีนี้อาจทำให้รู้สึกว่าริมฝีปากหายแห้งได้ (ชั่วคราว) แต่เมื่อความชื้นจากน้ำลายระเหยหมดไป ริมฝีปากจะแห้งมากขึ้น เพราะเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารในน้ำลายจะยิ่งรบกวนริมฝีปากให้แห้งมากยิ่งขึ้น
7. ภาวะขาดวิตามิน
คนที่ขาดวิตามินบี ริมฝีปากจะแตกง่ายกว่าคนทั่วไปเพราะวิตามินบีมีความสำคัญต่อผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ
8. อาการร้อนใน
เมื่อมีอาการร้อนใน ริมฝีปากมักแห้งแตก ซึ่งอาจมีแผลในปากเกิดร่วมด้วยก็ได้