วันนี้ A Cuisine จะมาพูดถึง… ทับทิมกรอบ ขนมหวานที่หลายๆคนต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอน เจ้าขนมหวานเมนูนี้ เป็นขนมหวานภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ถูกหยิบเข้ามาเป็นสำรับชาววังได้อย่างไร? แถมมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ พร้อมสูตรทับทิมกรอบ เอาล่ะมาดูกันเลยดีกว่า!
ความเป็นมาของ ทับทิมกรอบ
เดิมที่แล้ว… ทับทิมกรอบ เป็นเพียงแค่ขนมหวานทั่วไปของชาวบ้าน ในวันหนึ่ง พระวิมาดาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมณ์กรมพระสุทธาสินีนาฏปิยมหาราชปดิวรัชดา เป็นพระอัครชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้หยิบสูตรทับทิมกรอบของชาวบ้านมาพัฒนาและได้ปรับปรุงสูตรใหม่ แล้วนำขึ้นทูลถวายเป็นหนึ่งในพระกระยาหาร แต่ด้วยฝีมือการปรุงอาหารหวานของ พระวิมาดา ที่เลิศรส จึงทำให้เป็นที่ถูกปากของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงยิ่งนัก และนับจากนั้นเป็นต้นมา ทับทิมกรอบสูตรชาววังก็ได้เผยแพร่ไปทั่ว และสืบต่อชื่อเสียงความอร่อยร่ำลือมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ในปัจจุบัน ก็ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่าทับทิมกรอบมาต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยใด แต่มีการบันทึกว่าทับทิมกรอบเป็นที่รู้จักในสมัย รัชกาลที่ 5 (ร.5) ดังนั้นจึงมีการสันนิฐานได้ว่า ต้นกำเนิดนั้นอยู่ในสมัย ร.5 นั่นเอง…
แจกสูตร ทับทิมกรอบ
ส่วนผสม
- แห้วปอกเปลือกต้มสุก 200 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 130 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- น้ำ 200 มิลลิลิตร
- หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
- ใบเตย 4 ใบ
- เกลือ ½ ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีแดง 1/4 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ
- หั่นแห้วเป็นชิ้นเต๋าขนาด 1 เซนติเมตร แล้วนำไปแช่ในน้ำเปล่าที่ผสมสีผสมอาหารสีแดงไว้ เป็นเวลา 15 นาที สีแดงที่ละลายน้ำไว้จะซึมเข้าไปในแห้ว ทำให้เปลี่ยนเป็นสีแดง- นำแห้วที่เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว ไปซับน้ำออกให้พอหมาด แล้วนำไปคลุกกับแป้งมันให้ทั่ว
- ตั้งหม้อ ต้มน้ำให้เดือด นำแห้วที่คลุกแป้งมันแล้วมาร่อนเอาแป้งส่วนเกินออก แล้วใส่ลงไปต้มในน้ำเดือด เมื่อแป้งที่เคลือบแห้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีใส และตัวทับทิมกรอบลอยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักขึ้นลงแช่ในน้ำเย็นจัด เพื่อให้แป้งเซตตัว
- ตั้งหม้อบนเตา ใช้ไฟกลาง ใส่หัวกะทิ และใบเตยลงไป เมื่อหัวกะทิเริ่มร้อน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนให้ละลายเข้ากันดี
- ตักทับทิมกรอบใส่ชาม ราดด้วยน้ำกะทิ อาจใส่น้ำแข็งเพิ่มเติมเพื่อความเย็นสดชื่น เท่านี้ก็พร้อมอร่อยกันได้แล้ว!
เพียงเท่านี้…ก็ได้ทับทิมกรอบ แป้งนุ่มๆข้างในกรอบ รับประทานพร้อมกะทิอบควันเทียนหอมๆ หืมมแค่คิดก็…ต้องกลับไปทำกันแล้วล่ะจ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก