เมื่อถึงเทศกาลกินเจของทุกปี ชาวกรุงต่างมุ่งไปที่เยาวราช เพราะเต็มไปด้วยวัตถุดิบและอาหารคาวหวานมากมายให้เลือก ซึ่งนอกจากถนนเยาวราชซึ่งเป็นถนนสายหลัก รวมถึงตรอกซอกซอยในย่านที่คุ้นเคยกันดีแล้ว ตลาดน้อยเป็นอีกแห่งที่ถึงเทศกาลนี้เมื่อไหร่ใครๆ ก็ต้องแวะมา เนื่องจากเป็นชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานไม่แพ้ย่านอื่น มีศาลเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือของคนไทยเชื้อสายจีน และมีอาหารเจซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย แถมปีหนึ่งจะมีให้กินเพียงครั้งเดียว ทำให้เทศกาลกินเจของทุกปี ตลาดน้อยจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศ
ปีนี้เทศกาลกินเจของที่นี่เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนไปจนถึงวันที่10 ตุลาคม ได้อิ่มบุญกันแบบเต็มๆ 10 วัน ซึ่งเราไม่รอช้า พามาบุกตลาดน้อยตั้งแต่วันแรกเลย และด้วยความที่เป็นช่วงบ่ายของวันทำงาน ผู้คนอาจจึงบางตา ไม่หนาแน่นเท่าช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ไม่ต้องเบียดเสียดในอากาศที่อบอ้าวเช่นนี้
ภารกิจแรกเมื่อมาถึง เรามุ่งตรงไปยังร้านผัดหมี่กระเฉดเจ้าดัง แม้ไม่มีชื่อร้านเฉพาะ แต่ชาวบ้านร้านตลาดต่างรู้ดีว่า หากถามถึงผัดหมี่กระเฉดรสเลิศคือร้านไหน ต่อให้มาเป็นครั้งแรกแบบไม่รู้พิกัด เมื่อสอบถามชาวบ้านย่านนั้น คุณก็มักจะตรงมาถูกร้านเสมอ ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับปากซอยทางเข้าศาลโจวซือกง เป็นร้านที่มีลูกค้าหนาแน่นมากๆ โดยเฉพาะช่วงเย็น จนมีคนตั้งฉายาให้ว่า ร้านผัดหมี่เก้าอี้ดนตรี เนื่องจากที่นั่งมักเต็มอยู่เสมอ แต่ปีนี้เจ้าของร้านบอกว่าไม่ต้องรอนาน เพราะเกณฑ์พ่อครัวฝีมือดีมาช่วยกันมากกว่าปีก่อนๆ มาอิ่มอร่อยกันได้ตั้งแต่ตี 4 ถึง 1 ทุ่ม
เมนูแนะนำที่ต้องสั่งคือ เส้นหมี่กระเฉด ผัดมาแบบแห้งๆ เส้นหมี่มีกลิ่นควันไฟจากกระทะ ผสานความอร่อยจากส่วนผสมอย่างเห็ดหอม ไชโป๊ว ฮื่อก้วยเจ และยอกกระเฉดอ่อนๆ ใส่พริกเพิ่มความแซ่บลงไปด้วย ถัดมาคือ หมี่ซั่วผัด ที่แค่ใส่คะน้า กะหล่ำ เห็ดหอม ไชโป๊วและฮื่อก้วยเจ ก็กลมกล่อมแถมไม่มันเยิ้ม อย่าลืมสั่งน้ำเก๊กฮวยหอมๆ กับหล่อฮังก้วยหวานกำลังดีมากินคู่กัน
ส่วนของหวานห้ามต้องแวะมาที่ ร้านเช็งซิมอี๊-หมี่หวาน เฮียจั๊ว ตลาดน้อย ที่ตกค่ำกลายเป็นร้านเก้าอี้ดนตรีไม่แพ้ร้านแรก หน้าร้านมีเครื่องวางเรียงรายให้เลือกได้ตามชอบ มีหลายเมนูให้ลอง รวมมิตร หมี่หวานเย็น-ร้อน รวมมิตรหมี่หวาน รวมมิตรหมี่แปะก้วย และรวมมิตรแปะก้วย แต่หากยังไม่รู้จะสั่งอะไร แนะนำให้เริ่มจาก รวมมิตรหมี่หวาน ใช้หมี่หวานเหนียวนุ่ม พร้อมกับเครื่องมาแบบจัดเต็ม ทั้งลูกเดือย วุ้นมะพร้าว พุทราเชื่อม เอี่ยวบ๊วย โบ๊กเกี้ย ลูกชิด ลำใยแห้ง แปะก้วย เม็ดบัว ลูกพลับแห้ง ถ้าเลิฟแปะก้วย ต้องสั่งรวมมิตรแปะก้วย แปะก้วยมาแบบเน้นๆ และประโคมเครื่องมาแน่นเหมือนกัน ร้านก่อนถึงโรงเจ ตรงข้ามไทยสาธิต คอนโดมิเนียม เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม
อีกร้านที่ต้องเรียกว่าเป็นตำนานของย่านตลาดน้อย นั่นคือ ร้านตุ๊บตั๊บเหล่าแปะ เพราะเป็นเจ้าเก่าแก่ที่ขายมานานกว่า 70 ปีแล้ว เป็นต้นตำรับขนมตุ้บตั้บที่ลูกค้าเต็มใจยืนรอ โดยแต่ละครั้งอาจต้องรอนานอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงกันเลยทีเดียว เพราะเป็นตุ้บตั้บแบบโฮมเมดจริงๆ ทุบให้เห็นกันสดๆ ใช้แรงงานคนในทุกขั้นตอนแบบนี้นี่เองจึงใช้เวลาในการผลิตนานนิดนึง แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าสมกับการรอคอย ด้วยกลิ่นหอมๆ ของถั่ว ผสมผสานความหวานของน้ำตาลและสัมผัสหนึบหนับ ทำให้ตุ้บตั้บเจ้านี้กลายเป็นของฝากในเทศกาลกินเจ ที่ร้านยังมีถั่วตัดขายด้วย เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มครึ่ง หากใครไม่อยากรอนานก็สามารถโทรสั่งที่ 08-5482-6688 โดยโทรสั่งล่วงหน้า 2 วัน แต่ต้องสั่งอย่างต่ำ 10 ถุงนะ
นอกจาก 3 ร้านดังเมนูเด็ดที่กล่าวมาแล้ว ตลาดน้อยยังมีของอร่อยอื่นๆ อีกเพียบ อย่าง ไชเท้าทอด เจ้านี้ แค่เห็นเจ้าของร้านและวิธีทำก็การันตีความดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี ใช้วิธีก่อเตาทอดกันหน้าบ้านแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ไชเท้าทอดเจ้านี้ทั้งหอมและอร่อย จนมีลูกค้ามายืนรอซื้อกันอย่างต่อเนื่อง บางรายกลัวหมด ต้องแวะมาสั่งจองกันก่อนก็มี ถ้าอยากชิมต้องมาก่อนบ่ายโมง เพราะเริ่มขายตั้งแต่เช้า ราวๆ บ่ายโมงก็หมดแล้ว
เอาใจคนรักของทอดกันต่อด้วยร้านอิ่วก้วย บริเวณหน้าโรงเจ นวดแป้ง ห่อไส้ ทอดกันหน้าร้าน ส่งกลิ่นหอมชวนลิ้มลองสัมผัสกรุบกรอบ และมีหลายไส้ คือ ไส้เผือกกวน ไส้กะหล่ำปลี ไส้หน่อไม้ และไส้เผือกเค็ม แน่นอนว่าเป็นเจ้าเก่าของย่านนี้ที่ขายมานาน ชิ้นละ 12 บาทเท่านั้น
สาวกกับข้าวเจต้องมาที่ซอยวานิช 2 เพราะเป็นที่ตั้งของ ร้านเจ๊จิง ที่ขายกับข้าวยอดนิยมในช่วงกินเจ ไม่ว่าจะเป็นขาเห็ดทรงเครื่อง กาน่าฉ่าย ยำเกี่ยมฉ่าย ซึ่งมีทั้งแบบธรรมดาและใส่น้ำมันงา เกี่ยมฉ่ายหวาน ไชโป้วยำ ขขิงดอง กาน่าซ่ำหรือสมอดอง ใส่ข่าป่น รสเปรี้ยวเค็ม ขมนิดๆ ยังมีไชเท้าดอง ที่ใช้วิธีหมักเครื่องแล้วตากแห้ง ให้รสเค็มหวาน สัมผัสกรอบๆ เคี้ยวเพลินเลย เราประทับใจทั้งรสชาติและแม่ค้า เพราะเจ๊จิงใจดี เป็นกันเองมาก อยากชิมอะไรแค่บอก เจ๊จิงจัดให้ เริ่มขายตั้งแต่ 6 โมงเช้า เที่ยงๆ ก็เก็บร้านแล้ว
ถ้ามองหาน้ำพริกสำหรับช่วงกินเจ แนะนำร้านคุณพัน อยู่ติดกับร้านเจ๊จิง มีน้ำพริก 3 ชนิดจำหน่าย ได้แก่ น้ำพริกมะขาม น้ำพริกตาแดง และน้ำพริกเผาเห็ดหอม ในราคาสบายกระเป๋า เพียงขีดละ 30 บาท เปิดร้านตั้งแต่เช้าตรู่ถึง 5 โมงเย็น
ส่วนของกินเล่นต้องแวะ ร้านเจ๊เค็ง (เจ้าเก่า) ตั้งอยู่ริมทางไปโรงเจ ขายทั้งขนมครกสิงคโปร์และแป้งจี่ ซึ่งทำกันสดๆ หน้าบ้าน ขายเฉพาะช่วงกินเจเช่นกัน แถมราคาถูกใจ เพียงกล่องละ 20 บาทเท่านั้น แม่ค้ายังยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดีสุดๆ ตั้งร้านตั้งแต่ 11 โมง ขายยาวไปจนถึง 1 ทุ่ม
แล้วอย่าลืมเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พรมน้ำมนต์ และกินสาคู เสริมสิริมงคลให้โชคดีกันด้วยล่ะ จะให้ดีช่วงนี้ใส่ชุดขาวไปจะเหมาะที่สุด เนื่องจากบางส่วนจะสงวนให้เฉพาะผู้ที่ใส่ชุดขาวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
ช่วงที่มากำลังมีการประกอบพิธีกรรมกันพอดี เลยเก็บภาพมาฝากกันด้วยล่ะ
ปิดท้ายด้วยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ตลาดน้อยและนิทรรศกาลภาพวาดสวยๆ บริเวณหน้าโรงเจ