พริกแกงเผ็ด

พริกแกงเผ็ด โขลกเองหอมกว่า รสแท้ตำรับโบราณ พร้อมสูตร ผัดเผ็ดปลาดุกทอด – A Cuisine

กินปลาแล้วดีอย่างไร?

1.  ปลาสามารถแยกประเภทและชนิดได้อย่างไร
   จริง ๆ วิธีแยกประเภทของปลาคงจะมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าจะแยกเพื่อประโยชน์ประเภทใด แต่ในทางวิชาการแพทย์ หรือที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ก็คงจะแยกเป็นปลาน้ำจืด กับปลาน้ำเค็ม

2.  ในเนื้อปลามีสารอาหารชนิดใดบ้างที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ด้านหลัก : จะเป็นโปรตีน ซึ่งในเนื้อปลาจะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ไขมันจะมีอยู่บ้าง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของปลา อย่างในปลาน้ำจืดจะมีไขมันไม่มากนัก ยกเว้นพวกปลาสวาย หรือปลาสลิดตากแห้ง ส่วนปลาทะเล ก็จะมีไขมันอีกประเภทซึ่งจะแตกต่างจากปลาน้ำจืด พวกที่เป็นกรดไขมันซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เราพบว่า มันมีคุณค่าในแง่ของการลดการจับตัวของเกล็ดเลือด และอาจจะช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจหรือไขมันในเลือดสูง นอกจากนั้น เครื่องใน ตับปลา ก็จะมีน้ำมันและวิตามินในกลุ่มที่ละลายได้ดีในไขมัน เป็น วิตามิน   A D E K   และ แร่ธาตุ โดยเฉพาะในตัวปลาบางชนิดที่เรารับประทานได้ ก็จะได้แคลเซียมด้วย

3.  ปกติเราควรรับประทานอาหารประเภทปลามากน้อยเพียงใดต่อวัน
ปกติร่างกายของคนเราจะต้องการโปรตีนแตกต่างกันไปแล้วแต่ช่วงวัย เช่น วัยเด็กจะต้องการโปรตีนสูง   1.2 – 1.5   ต่อ น้ำหนักต่อ   1   กิโลกรัม ในผู้ใหญ่   0.8-1   กรัม ต่อ กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งในแต่ละวันก็ควรบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย

4.  ในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพมีอะไรบ้าง
ด้านหลัก : ก็จะได้โปรตีน เพราะโปรตีน เพราะโปรตีนในเนื้อปลาจะย่อยง่าย มีคุณค่าในแง่ของการบำรุงสมอง การพัฒนาสมองในเด็ก โดยเฉพาะปลาทะเล นอกจากจะได้โปรตีนแล้ว ยังจะได้แร่ธาตุไอโอดีน จะมีบทบาทในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะป้องกันที่ไกลจากทะเลก็จะมีความเสี่ยงก็จะเกิดโรคคอพอก ในกลุ่มผู้สูงอายุก็เป็นแหล่งโปรตีน ที่รับประทานง่าย ย่อยง่าย ก็จะเป็นประโยชน์ของปลา

5.  ในกรณีที่แพ้อาหารทะเล ไม่สามารถรับประทานได้ จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร
ถ้าขาดอาหารทะเลก็สามารถรับประทานปลาน้ำจืดแทนได้ แต่ถ้าไม่สามารถรับประทานปลาได้เลย เช่น เหม็นคาวปลา ก็ยังสามารถได้ในแหล่งโปรตีนอื่น ๆ เช่น เนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ไข่ดาว ถั่ว งา ร่างกายก็ยังจะได้โปรตีนเพียงพอ

6.  การรับประทานปลาให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย
1.   รับประทานปลาที่ปรุงสุก
2.   เปลี่ยนประเภทของปลาไปเรื่อย ๆ ลดปัญหาการปนเปื้อน
3.   บริโภคร่วมกับอาหารอื่น ๆ ให้ครบทุกชนิด คือ อาหารหลัก   5   หมู่

7.  ที่เรียกกันว่า น้ำมันตับปลา หรือ น้ำมันปลา ควรรับประทานหรือไม่
ปัจจุบันที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด จะมี   2   ประเภท คือ น้ำมันตับปลา หรือ น้ำมันปลา
น้ำมันตับปลา มีจำหน่ายมานานแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่จะนำมาให้เด็ก ๆ ทาน เพื่อเป็นยาบำรุง ซึ่งจะมีวัตถุประสงค์ ก็จะต้องการเสริมวิตามิน ซึ่งจะละลายในไขมัน   A D E K   ก็จะสกัดจากปลา มีทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ แต่ในปัจจุบันนี้ที่นิยมกันมากขึ้น คือ น้ำมันปลา   (Fish oil)   เป็นสารสกัดไขมันจากปลาทะเล มีการศึกษาจากการเปรียบเทียบเกี่ยวกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในคนชาวเอสกิโม เมื่อเปรียบเทียบ กับชาวเอสกิโม จึงทำให้ชาวเอสกิโมมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า นับว่าชาวเอสกิโม จะรับประทานปลามากกว่า จึงทำให้ได้รับสารอาหารจากปลามากว่า ซึ่งจะมี
ฤทธิลดกรดตัวของเกร็ดเลือด และลดไตรกีรเซอร์ไรด์ได้ดี ทำให้คนมีความสนใจมากขึ้น แต่จากการศึกษาทดลองจากแพทย์สหรัฐอเมริกา พบว่า การบริโภคแต่น้ำมันปลาในรูปเม็ด ไม่สามารถป้องกันโรคหัวใจ และไม่ช่วยผู้ป่วยหายจากโรคหัวใจ

8.  ข้อแนะนำช่วงท้ายรายการ
ข้อแนะนำเพื่อสุขภาพ
1.   รับประทานอาหารให้ครบ   5   หมู่
2.   รับประทานอาหารให้พอเหมาะ
3.   รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารมาก นอกจากจะช่วยควบคุมลำดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เส้นใยอาหารจะช่วย
4.   หลีกเลี่ยงการรับประทานที่มีไขมันในปริมาณมาก
5.   ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
6.   งดการสูบบุหรี่ และดื่มสุรา

 

วิธีการเลือกซื้อปลา

  • เหงือกมีสีสด
  • ตาปลาต้องใส
  • เกล็ดและหนังไม่ขุ่น
  • เนื้อแน่น เมื่อกดดูไม่บุ๋มตามรอยนิ้วมือ
  • เนื้อไม่แข็งทื่อ
  • ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
  • เหงือกมีสีสด

วิธีการล้างปลาสดให้หมดเมือกและกลิ่นคาว มีหลายวิธี ลองดูกันนะคะ

  1. ล้างน้ำเปล่าธรรมดา แต่เน้นที่ความแรงของน้ำ
  2. ล้างด้วยน้ำผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วตามด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
  3. ล้างด้วยการนำมะนาวฝานเป็นชิ้นมาถูที่เนื้อปลา แล้วตามด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
  4. ล้างด้วยน้ำส้มมะขามเปียก แล้วตามด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง

การเก็บรักษา

ควรทำความสะอาดปลาก่อน กล่าวคือ ต้องขอดเกล็ดออกให้หมด ถ้าไม่มีเกล็ดต้องขูดเมือกออก ดึงเหงือกและควักไส้ออก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้น ใส่กล่องพลาสติก ปิดฝา นำเข้าช่องแช่แข็ง

ขอบคุณข้อมูลจาก

  • www.foodietaste.com
  • th.openrice.com
  • โดย รศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงษ์
    ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
      
    Faculty of  Medicine  Siriraj  Hospital 
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

#ACuisine #เอคูซีน #Recipes

👉 กดติดตาม Instagram ได้ที่ @ acuisine.th Follow มาเยอะๆ นะคะ 😘

ง่าย สนุก สุข อร่อย อยากกิน..อยากฟิน..อยากทำ.. อย่าลืมติดตาม Acuisine นะจ๊ะ

Summary
ผัดเผ็ดปลาดุกทอด จาก พริกแกงเผ็ด
Article Name
ผัดเผ็ดปลาดุกทอด จาก พริกแกงเผ็ด
Description
ส่วนผสม (สำหรับ 3 ที่) ปลาดุกหั่นตามขวาง 400 กรัม พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ พริกไทยอ่อน 2 ช่อ กระชายซอย 1/4 ถ้วย ใบมะกรูดฉีก 2-3 ใบ น้ำเปล่า 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับทอด ใบกะเพราทอดกรอบตามชอบ วิธีทำ 1.ทอดปลาดุกในน้ำมันร้อนด้วยไฟกลางจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน 2.เทน้ำมันออกให้เหลือติดกระทะเล็กน้อย ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนมีกลิ่นหอม 3.เติมน้ำเปล่าแล้วผัดพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ 4.ใส่ปลาดุกทอด พริกไทยอ่อน กระชาย และใบมะกรูดลงผัดพอเข้ากัน ชิมรสตามชอบ ปิดเตา 5.ตักขึ้นใส่จาน โรยด้วยใบกะเพราทอดกรอบ รับประทานได้ทันที

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.