โทมัส อัลวา เอดิสัน จากเด็กปัญญาทึบ สู่ผู้ให้แสงสว่างด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
โทมัส อัลวา เอดิสัน ราชานักประดิษฐ์ ผู้ถูกจดจำในฐานะผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ สิ่งประดิษฐ์ของเขายังอยู่คู่โลกใบนี้ไปอีกนาน จนกว่าโลกนี้จะไร้ซึ่งไฟฟ้า
ผู้เขียนรู้จักโทมัส อัลวา เอดิสัน ครั้งแรกไม่ใช่จากตำราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หรือป้ายนิทรรศการเรื่องนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ที่ครูจัดให้ความรู้ในงานวันวิทยาศาสตร์ แต่รู้จักจากหนังสือการ์ตูน นักวิทยาศาสตร์ ที่คุณพ่อซื้อให้ในวัยเด็ก ยังจำได้ดีว่าเขาเป็นผู้ที่คิดประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า แต่ตามจริงแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์นี้เป็นคนแรก
เขาเพียงค้นพบสื่อนำไฟฟ้าที่มันดีกว่าเดิม โทมัส (ขออนุญาตเรียกชื่อเขาสั้นๆ) ไม่ได้ประดิษฐ์เพียงหลอดไฟเท่านั้น เขายังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์พันกว่ารายการ พอย้อนกลับไปในวัยเด็กของเขา ในช่วงที่การศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์กำลังเบินบาน หนูน้อยโทมันก็ซุกซนกับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และหลงรักในการประดิษฐ์สิ่งของเป็นชีวิตจิตใจ
เรื่องราวของเขาน่านำมาปลุกให้คนอื่นเกิดแรงบันดาลใจ จึงอยากชวนทุกท่านมารู้จักเรื่องราวของเขาให้ลึกกว่านี้ นั่งทามแมกซีนไปทัวร์ชีวิตของโทมัส อัลวา เอดิสันกันทุกท่าน

เด็กปัญญาทึบของครูและเพื่อน
โทมัส เป็นลูกคนสุดท้ายจากพี่น้องทั้งหมด 7 คน ครอบครัวของเขามีฐานะที่ยากจนและเลี้ยงชีพด้วยการทำนา เมื่อฐานะครอบครัวของเขาไม่ค่อยดี โทมัสจึงทำงานช่วยครอบครัวหาเงินตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
สวรรค์มอบความสงสัยให้แก่เขา ซึ่งมันเป็นของดีสำหรับนักคิดค้น แต่กลับเป็นสิ่งที่ครูและเพื่อนๆดูถูก เขาซักถามครูถึงข้อสงสัยต่าง ๆ แต่ครูจะพยายามต่อว่าว่าทำไมเพื่อนคนอื่นไม่เห็นสงสัยเหมือนเธอเลย มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น ครูจึงตัดสินว่าโทมัสมีศักยภาพที่ไม่เท่าเทียมเพื่อนๆ เขาถูกครูและเพื่อนเรียกว่า “เจ้าปัญญาทึบ”
ด้วยความน้อยใจ เขาจึงลาออกจากโรงเรียน แม่ของเขาต้องผันตัวมาเป็นครูสอนหนังสือให้ลูก เขาช่างโชคดีเสียจริงที่มีคุณแม่เป็นครู เพราะคงไม่มีใครเข้าใจเขาได้ดีกว่าคุณแม่ของเขาอีกแล้ว
จุดประกายที่เริ่มเป็นจุดหันเหของเขาในวัยเด็กคือ ความสนใจในวิชาฟิสิกส์ เขาเริ่มออกหนังสือที่เขาสนใจมากขึ้น ตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ

โบกี้รถไฟเก่าคือห้องทดลองสุดเจ๋งของเขา
ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ที่ พอร์ต ฮูรอน ในรัฐมิชิแกน บ้านของเขาอยู่ใกล้กับแนวรางรถไฟ ตอนนั้นโทมัสอายุได้ 12 ปี ช่วยที่บ้านหาเงินด้วยการเป็นเด็กขายหนังสือพิมพ์และลูกอมบนรถไฟ ชีวิตช่วงนั้นจึงมีความผูกพันกับรถไฟและรางรถไฟ มีโบกี้รถไฟเก่าที่ไม่ใช้แล้วจอดตายทิ้งไว้ โทมัสจึงเข้าไปเล่น แล้วดัดแปลงมันให้กลายเป็นห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์สุดเจ๋งของเขา
ตอนนั้นเขาคลั่งฟิสิกส์และเคมีมาก เขามีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ใช้ทดลองเคมีต่าง ๆ อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ต่างจากของเล่นตัวโปรด ไม่เท่านั้นตอนเขาอายุได้ 15 ปี ด้วยความเป็นคนชอบอ่านอยู่แล้ว เขาจึงเริ่มปรับโบกี้นี้กลายเป็นโรงพิมพ์ย่อม ๆ เขาซื้อแท่นพิมพ์เก่ามาซ่อม แล้วพิมพ์หนังสือพิมพ์เอง แถมขายเองอีกด้วย ทำทุกอย่างเองแต่ครบวงจร (ตอนอายุแค่นั้น)
มันเริ่มไปได้ด้วยสวย จนกระทั่งวันหนึ่งเขาทำหลอดแก้วที่บรรจุฟอสฟอรัสตกแตกจนทำให้เกิดไฟไหม้ ควันไฟทำให้นายสถานีเห็นผิดสังเกตจึงเข้าไปดู พบว่าโบกี้เก่านี้ถูกคนนอกเข้ามาใช้ เขาโมโหจึงตบโทมัสเข้าที่หูข้างหนึ่ง ทำให้โทมัสเป็นประสาทหูชา และหนวดไปในที่สุด
ก้าวสู่เส้นทางนักส่งและรับสัญญาโทรเลข
โทมัส เข้าสู่เส้นทางสายนักส่งสัญญาโทรเลข ซึ่งเป็นอาชีพที่หล่อเลี้ยงชีวิตเขามาหลายปี เพราะระหว่างที่เขายังขายหนังสือพิมพ์และลูกอมที่สถานี เขาได้เข้าไปช่วยเด็กน้อยวัย 3 ขวบไว้ได้ทัน ก่อนที่จะถูกรถไฟทับ คุณพ่อของเด็กคือ เจ ยู แมคเคซี เขาตอบแทนโทมัสด้วยการสอนวิธีรับ-ส่งโทรเลข โทมัสจึงมีความรู้นี้ติดตัวมา เขายึดอาชีพนักส่งและรับสัญญาโทรเลข แต่ใจยังหลงใหลกับการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์อยู่ หลายครั้งเขาถูกไล่ออกเพราะเอาเวลางานไปทดลองสิ่งประดิษฐ์นี้แหละ แต่เขาก็หางานได้ไม่ยาก เพราะตำแหน่งของเขาเป็นที่ต้องการมาก เพราะโทรเลขเป็นการติดต่อสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด มีความจำเป็นในสมัยนั้นสูงมาก

รักการประดิษฐ์ หัวใจนักวิทยาศาสตร์ จิตเสรีทางวิญญาณ
อย่างว่า ใจมันรัก จะห้ามจะปรามอย่างไรก็ไม่เป็นผล โทมัสยังคงทดลองและประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์อยู่เรื่อย จนกระทั่งสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างความสำเร็จให้แก่เขาชิ้นแรกคือ “อุปกรณ์ช่วยนับคะแนนเสียงเลือกตั้ง” สิ่งประดิษฐ์ต่อมาคือ “เครื่องบันทึกราคาหุ้น” กำไรจากการขายสิ่งประดิษฐ์ตัวนี้ ทำให้เขามีทุนสร้างโรงงานและห้องทดลอง สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างมากคือ “เครื่องเล่นเสียง โฟโนกราฟ”

พบสื่อนำไฟฟ้าใหม่ที่ส่งผลต่อโลก
โทมัส ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์มาหลายอย่าง แต่มีสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่ทำให้เขาถูกจดจำมาจนถึงทุกวันนี้คือ “หลอดไฟ” หลอดไฟถูกประดิษฐ์เป็นครั้งแรกโดย เฮนรี วูดวาร์ด แต่โทมัสเขาเห็นว่าหลอดไฟยังจ่ายไฟให้ความสว่างไม่พอเพียง เขาจึงทดลองไส้หลอดไฟที่สามารถให้ความสว่างได้ระยะนานๆ จนกระทั่งพบว่า เส้นไม้ไผ่ที่เผาจนเป็นคาร์บอนแล้ว เป็นไส้หลอดไฟที่ดีที่สุด สามารถทำให้สามารถใช้หลอดไฟได้นานถึง 1,200 ชั่วโมง เมื่อการทดลองประสบความสำเร็จ เขาจึงซื้อลิขสิทธิ์หลอดไฟของเฮนรี แล้วนำมาผลิตเป็นหลอดไฟในกรรมวิธีของเขา ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานหลอดไฟที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
โทมัส อัลวา เอดิสันประสบความสำเร็จเพราะสิ่งที่ตนเองรัก คือการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ เบื้องหลังความประสบความสำเร็จของโทมัสต้องยกนิ้วให้กับความเก่งของเขาที่เป็นพรสวรรค์ แต่แรงผลักที่สำคัญคือความรักในสิ่งที่เขาสนใจ และทำมันออกมาจนได้ดี
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องราวของโทมัส จะช่วยประทุเชื้อไฟแห่งแรงบันดาลใจให้สุกสกาวขึ้น และติดเชื้อไฟนานจนทำความฝันของเราให้สำเร็จ
ที่มา : en.wikipedia.org
ภาพ : en.wikipedia.org
บทความน่าสนใจ
“กระดาษโพสต์อิท” สิ่งประดิษฐ์สุดห่วย เปลี่ยนความล้มเหลว ให้เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ย้อนประวัติพ่อขุนรามคำแหง มหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย
หลุยส์ เบรลล์ ชายตาบอด ผู้สร้าง อักษรเบรลล์ ให้คนตาบอดทั่วโลกได้อ่านหนังสือ
กว่าจะมาเป็น… โคนไอศกรีม ไม่ใช่เรื่องธรรมดา