ตาจ๋า

ตาจ๋า ตาได้กลับบ้านแล้ว – เรื่องราวของวิญญาณที่คิดถึง

ตาจ๋า ตาได้กลับบ้านแล้ว – ผีหรือวิญญาณมีจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่อยู่ในความสงสัยของฉันมานาน จนเมื่อไม่นานมานี้คุณตาผู้เป็นที่รักยิ่งของฉันเสียชีวิตลง และท่านกลับมาบ้าน สิ่งที่ฉันสัมผัสได้ทําให้ฉันเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า “วิญญาณมีอยู่จริง”
1
ผลจากการสูบบุหรี่จัดต่อเนื่องมานาน ทําให้ตาเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องเข้า – ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นตั้งแต่อายุประมาณ 50 ปี ตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการรักษามากว่า 30 ปี ฉันมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาสําหรับตาที่เข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ ฉันไม่เคยคาดคิดว่าช่วงสุดท้ายของชีวิตตาจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
2
ปลายปี 2557 เป็นต้นมา สุขภาพของตาเริ่มย่ําแย่ อาการปอดอักเสบหรือปอดติดเชื้อเป็นเรื่องที่ฉันคิดเอาเองว่าเล็กน้อยมาก เดี๋ยวตาก็หาย ตาเริ่มเข้า – ออกโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งต้องอยู่นานนับเดือน ตาเริ่มพูดถึงพี่ชายและแม่ของตาว่าแวะมาเยี่ยมและจะซื้อรถเข็นให้ตาใช้ ทั้งที่ท่านทั้งสองเสียชีวิตไปนานมากแล้ว
3
ช่วงที่ตาป่วยหนักเข้าขั้นวิกฤติทุก ๆ วัน ตาร่ําร้องขอให้พากลับบ้าน สภาพที่ตานอนอยู่ในห้องไอซียู มีท่อช่วยหายใจเสียบคาปากสายน้ําเกลือ สายให้ยา และสายให้เลือดระโยงระยางเต็มไปหมด หากพวกเราขอให้คุณหมอช่วยถอดออกเพื่อพาตากลับบ้าน นั่นก็เท่ากับว่า พวกเราเป็นคนทําให้ตาตายเพียงเพื่อให้ตาได้กลับไปอยู่บ้านสมใจ แล้วใครล่ะที่จะตัดสินใจทําอย่างนั้นได้ลง
4
10 กรกฎาคม 2558 คือวันที่ตาจากไปชั่วนิรันดร์ พวกเราเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่วิญญาณของตาจะกลับมาบ้าน ถ้าวิญญาณมีจริงตาน่าจะกลับมา พิธีสวดศพจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วันแล้วเผา ความรู้สึกของฉันเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจต่อการรอคอยที่ดูแสนจะเนิ่นนาน ไม่มีวี่แววว่าตาจะมาเลย หรือว่าเรื่องวิญญาณนั้นไม่มีจริง
5
หลังพิธีฌาปนกิจผ่านพ้นไป ช่วงเช้าวันต่อมาพวกเราไปที่วัดเพื่อเก็บอัฐิ เราแบ่งอัฐิใส่โกศและโถ แล้วนํากลับมาไว้ที่บ้านเพื่อเตรียมบรรจุเข้าเจดีย์ที่ตาขอให้สร้างไว้ในบริเวณบ้าน ในคืนนั้นเอง เวลาประมาณสองทุ่ม ฉันกําลังนั่งคุยอยู่กับยายซึ่งอยู่ทางด้านขวามือของฉัน ส่วนด้านซ้ายคือโต๊ะที่วางโกศและโถใส่อัฐิ เราสองคนเริ่มได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างที่หอมมาก ๆ กลิ่นเริ่มโชยแรงและถี่ขึ้น จนเราสองคนหันมามองหน้ากันและเริ่มถามว่า  “ได้กลิ่นอะไรไหม” บางช่วงที่กลิ่นเริ่มจางหายไป ฉันลุกขึ้นเดินไล่ดมไปรอบ ๆ
แม้กระทั่งตรงโกศและโถใส่กระดูกของตาซึ่งมีเพียงกลิ่นดอกมะลิจากพวงมาลัยที่วางไว้บนโกศเท่านั้น ไม่มีกลิ่นหอมแบบที่เราได้กลิ่นกันเลย
6
ฉันเริ่มแปลกใจว่ากลิ่นหอมละมุนละไมเย็นชื่นใจแบบนี้มาจากไหนกันนะ และช่วงเวลานั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก ๆ ลมสักนิดก็ไม่มี ใยแมงมุมที่เกาะเป็นเส้นสายอยู่โดยรอบเพดานและมุมห้องก็ไม่กระดิกเลยสักเส้น จึงเป็นไปไม่ได้ว่าลมจะพัดกลิ่นมาจากนอกบ้าน
7
ช่วงที่กลิ่นเริ่มหายไป ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า หรืออาจจะเป็นวิญญาณของตาที่กลับมาบ้าน จึงลองพูดเสียงดัง ๆ ออกไปว่า “ตาจ๋า นั่นตาใช่ไหม ตากลับมาบ้านใช่ไหม หนูดีใจมากที่ตามา หนูไม่กลัวตานะ ถ้าใช่ตาจริง ๆ ขอให้ได้กลิ่นตาอีกทีนะ” พูดจบ กลิ่นหอมก็โชยมาอีกเป็นระลอกและหอมชัดมาก ยายก็ได้กลิ่นหอมนี้พร้อม ๆ กับฉัน น้ําตาแห่งความดีใจของฉันไหลออกมานองหน้า ความรู้สึกโหยหาที่เต็มไปด้วยความคิดถึง อยากเจอตา อยากได้ยินเสียง ได้กอดตาอีกครั้ง มันท่วมท้นเสียเหลือเกิน ฉันร้องบอกตาไปว่า “เดี๋ยวหนูจะรีบไปอาบน้ํา แล้วคืนนี้จะมานอนคอยตาที่ห้องนอนตานะ ถ้าตามาเรามาเจอกันนะ” พูดจบ ฉันหันมาบอกกับยายว่า “หนูจะมานอนเป็นเพื่อนยายนะ เผื่อตามาคืนนี้ เราจะได้เจอตาด้วยกัน”
8
ฉันรีบเดินกลับไปที่บ้านของฉันซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านตา จังหวะที่ฉันเปิดประตูเข้าห้องนอนแม่เพื่อจะบอกว่าฉันจะไม่นอนที่บ้านคืนนี้ แต่จะไปนอนที่บ้านตา แม่รีบพูดขึ้นมาเมื่อเจอหน้าฉันว่า “ช่วงที่แม่กําลังนั่งร้องไห้คิดถึงตาอยู่ในห้อง สงสัยตามาหา แม่ได้กลิ่นหอม” ห้องนอนของแม่เป็นห้องแอร์ที่ไม่ได้เปิดหน้าต่างและประตูห้องไว้ แล้วกลิ่นจะมาจากที่ไหนได้นะ ด้วยความที่ฉันกับแม่อยู่กันคนละที่ในช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างได้กลิ่นหอม จึงยังบอกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกันหรือไม่
9
คืนวันนั้นฉันกับยายนอนที่พื้นห้องนอน ปล่อยให้ฟูกบนเตียงนอนว่างเปล่า เพราะเคยได้ยินมาว่า ถ้าเราขึ้นไปนอนทับที่คนตาย จะกลับมานอนไม่ได้ ฉันหวังว่าตาจะกลับมา ฉันอยากเจอตา
10
พวกเราเข้านอนตอนประมาณสี่ทุ่ม ผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ฉันได้ยินเสียงที่ประตูห้องนอนดังแก๊ก ด้วยความง่วงฉันจึงไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง ฉันหลับสนิทจนถึงเช้ามืด และลุกขึ้นมาเพื่อจะเข้าห้องน้ําตอนตีสี่ แล้วก็ต้องประหลาดใจว่าประตูห้องนอนที่ปิดสนิทและกดล็อกอย่างเรียบร้อย เปิดอ้าออกมาเองได้อย่างไร ทั้งที่ลูกบิดก็ยังอยู่ในสภาพถูกกดล็อกไว้ ฉันรีบปลุกยายให้ลุกขึ้นมาดู ยายเองก็แปลกใจว่าประตูเปิดเองได้อย่างไร และตอนราว ๆ สี่ทุ่มครึ่งยายก็ได้ยินเสียงดังแก๊กที่ประตูเหมือนฉันด้วย
11
เช้าวันนั้นด้วยความสงสัยเรื่องที่มาของกลิ่นหอม ฉันจึงเดินสํารวจดมกลิ่นอีกครั้ง ไม่มีกลิ่นที่โชยมาอย่างเมื่อเย็นวานเลย จู่ ๆ ฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันเดินไปหยิบขวดน้ําอบที่อยู่ในตู้ซึ่งปิดอยู่อย่างมิดชิด เพียงแค่เปิดฝาขวดออก กลิ่นน้ําอบก็โชยมาเตะจมูก ฉันวิ่งโร่เอาขวดน้ําอบไปให้ยายกับแม่ดม และถามออกไปว่า “กลิ่นนี้ใช่ไหมที่ยายกับแม่ได้กลิ่นเมื่อเย็นวาน” ยายกับแม่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่” และที่สุดท้ายที่ฉันจะพิสูจน์กลิ่นก็คือโกศใส่กระดูกของตา เพียงแค่ฉันเปิดฝาโกศออก กลิ่นหอมแบบเดียวกับที่ได้กลิ่นเมื่อเย็นวานก็โชยมาให้ชื่นใจ คราวนี้ยายและแม่ยิ่งยืนยันหนักแน่นว่า กลิ่นที่พวกเราพบเจอกันเมื่อวานเป็นกลิ่นน้ําอบที่ใช้พรมกระดูกตานั่นเอง
12
ถึงแม้คืนนั้นฉันจะไม่ได้เจอตาหรือรับรู้ว่าตาเข้ามานอนในห้อง แต่ฉันมั่นใจว่า ตาเป็นผู้ที่เปิดประตูห้องนอน และกลิ่นหอม ๆ แบบน้ําอบนั้นก็คือกลิ่นเดียวกับน้ําอบที่พรมไว้ที่กระดูกของตา
13
เพื่อนผู้รู้เรื่องธรรมะคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่า วิญญาณเป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่ปรับเปลี่ยนไปตามบุญกุศลที่ทําเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ หากได้กลิ่นธูปหอมหรือกํายาน นั่นคือกลิ่นของเทวดา แต่ถ้าเป็นกลิ่นเครื่องหอมดอกไม้ หอมเย็น ๆ ละมุน ๆ เป็นกลิ่นพรหม ถ้าอย่างนั้นความดีที่ตาทํามาตลอดทั้งชีวิตคงส่งผลให้ตาไปอยู่ในภพภูมิที่ดี และสื่อให้ลูกหลานรับรู้สัมผัสได้
14
ฉันดีใจมากที่ตาได้กลับมาบ้านสมดังใจปรารถนาของตาแล้ว ทุกวันนี้ฉันยังเฝ้ารอว่า เมื่อไหร่ที่ตาจะมาหาอีก หรือมาเข้าฝันฉันบ่อยครั้งก็ยังดี
15

ที่มา : นิตยสาร Secret

เรื่อง : คุณคนเล็ก

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.