จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

เป็นเช่นนั้นเอง…แล้วมันจะผ่านไป จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

เป็นเช่นนั้นเอง…แล้วมันจะผ่านไป จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม การมองธรรมะของเธอช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ และสิ่งที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่านั้นคือ ปัญหาชีวิตที่เธอเผชิญในฐานะเสาหลักของครอบครัวที่ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาได้ จนกระทั่งได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น…ก็เป็นเช่นนั้นเอง

 

เขาสอนให้จ๊ะจ๋ารู้จักใจเย็น

พี่จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้วเตือนจ๊ะจ๋าว่า “ ใจร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ เวลาที่เราเผลอพูดหรือทำอะไรด้วยอารมณ์ร้อน แทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ที่เสียใจในภายหลัง กับสิ่งที่เราทำไว้กับคนอื่น เพราะว่าเวลาใจร้อน ใจของเราก็อยากทำร้ายคนอื่นเขา ไม่ว่าจะเป็นทางวาจา เช่น การใช้คำพูดหยาบคาย เชือดเฉือน เสียดสี ทิ่มแทง หรือทางการกระทำ เช่นขว้างปาข้าวของ เพื่อให้คนที่เราโกรธรรู้สึกเจ็บปวดที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปเราหายโกรธ และอาจลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง อาจมีเหตุให้ต้องกลับมาใช้ของชิ้นนั้นที่เราเคยทำลายด้วยความไม่ตั้งใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือของชิ้นนั้นมีตำหนิไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมอีกแล้ว ความรู้สึกของคนก็เช่นกัน การกระทำที่ไม่ดีของเรา อาจกลายเป็นรอยตำหนิในความทรงจำของเขาไปจนวันตายเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อน ต้องทำใจเย็น ๆ เมื่อใจเย็นแล้วค่อยว่ากัน ”

 

 

จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

0

คำเตือนนี้ของพี่จิ๊บสามารถนำไปใช้ได้กับทุกเหตุการณ์ ทำให้เราใจเย็นขึ้น เพราะจ๊ะจ๋าก็เป็นคนใจร้อน รู้ตัวว่าเรานิสัยไม่ดี ชอบใช้คำพูดทำร้ายจิตใจ อย่างตอนที่โมโหพี่จิ๊บ เมื่อก่อนจ๊ะจ๋าก็จะต่อว่า แล้วพูดเป็นข้อ ๆ เลยว่าไม่ชอบอะไรบ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นคือพี่จิ๊บไม่โต้ตอบ นั่งนิ่ง หลับตา ซึ่งมันทำให้จ๊ะจ๋ายิ่งโมโหขึ้นไปอีก เพราะคิดว่าเขาแกล้ง ถามอะไรก็ไม่ตอบ จนตอนหลังมารู้ว่าเขาไม่อยากให้ความไม่น่ารักของเราติดอยู่ในความทรงจำของเขา จ๊ะจ๋าเลยรู้สึกผิด และพยายามจะไม่ทำแบบนั้นอีก

 

ธรรมะแทรกอยู่ในทุกช่วงขณะของชีวิต

จ๊ะจ๋านำธรรมะมาใช้ในการทำงานมาก อาชีพของจ๊ะจ๋าคือนักแสดง เราต้องถ่ายละครหนึ่งวัน 10 ฉาก ร้องไห้ 3 ฉาก ปาร์ตี้ 2 ฉาก โกรธอีก 2 ฉาก  ภายในหนึ่งวันจ๊ะจ๋าเล่นหลายอารมณ์ สุข ทุกข์ เศร้า เสียใจ อารมณ์เลยขึ้น-ลง ถ้าเป็นคนธรรมดาที่เจอกับอารมณ์หลากหลายแบบนี้คงแย่แน่ ๆ ดังนั้นสิ่งที่จ๊ะจ๋านำมาใช้คือการทำสมาธิกับการปล่อยวาง ถ้าเราไม่กำหนดสมาธิ จ๊ะจ๋าเชื่อว่าเราจะไม่มีสติ จบหนึ่งฉาก เข้าสู่ฉากใหม่ จากอารมณ์เศร้าเสียน้ำตามาอารมณ์สดใส

เราต้องปล่อยวางฉากเก่าออกไปก่อน แล้วทำสมาธิ จดจ่อ ไม่วอกแวก คิดเฉพาะสิ่งที่ต้องทำในฉากใหม่ เพื่อให้เรามีสติในการจำเรื่องราวใหม่ของฉากที่กำลังจะเล่น หรือแม้แต่ถ้าต้องเล่นฉากเดิม จ๊ะจ๋าก็ใช้วิธีนี้ เช่น เล่นฉากร้องไห้ไปแล้วน้ำตาไหลไปแล้ว ผู้กำกับขอเปลี่ยนมุมภาพถ่ายใหม่อีกที เราก็ต้องปล่อยวาง ทำสมาธิแล้วตั้งสติเล่นใหม่อีกครั้ง

 

 

จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

0

จ๊ะจ๋าคิดว่าสมาธิเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก ไม่ได้ใช้กับแค่งานแสดงเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับงานอื่น ๆ ของจ๊ะจ๋า ทั้งพิธีกร ร้องเพลง อย่างล่าสุดเป็นหน้ากากฟีนิกซ์ ในรายการ The Mask Singer จ๊ะจ๋าต้องใช้สมาธิสูงมาก ไม่ใช่แค่เพื่อควบคุมเสียงร้อง แต่เพื่อบรรเทาความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในใจของเราด้วย เพราะถ้ามีเรื่องอะไรมารบกวนในหัว การทำงานของเราก็ทำไม่ได้อย่างเต็มที่

0

ยิ้มสู้กับปัญหาแล้วมันจะผ่านไป

ปัญหาของจ๊ะจ๋าเมื่อไม่นานมานี้ เกิดขึ้นกับคุณป้าที่จ๊ะจ๋ารักมาก ๆ ท่านหนึ่ง เราอยู่ด้วยกันเสมอตอนเด็ก แต่ปัจจุบันท่านทำงานอยู่ที่รีสอร์ททางภาคใต้ จะกลับมาใช้เวลาสั้น ๆ อยู่ด้วยกันได้ปีละ 1 ครั้ง วันนั้นจ๊ะจ๋าก็ทำงานถ่ายละครตามปกติ คุณแม่โทรมาบอกว่าคุณป้าปวดท้องหนักมาก คุณหมอกำลังฉีดมอร์ฟีนให้ และกำลังถูกส่งตัวมาที่กรุงเทพ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าคุณป้าเป็นอะไร ก็ตกใจและกังวลไปด้วย อยากกลับก็กลับไม่ได้ รู้สึกใจเสีย จนเวลาผ่านไปถึงรู้ว่าที่ปวดท้องนั้นคือเป็นอาการของโรคมะเร็งผนังมดลูกระยะที่ 3 วินาทีนั้นคือช็อกมาก น้ำตาไหล อยากกลับบ้าน แต่เราก็ทิ้งกองกลางคันไม่ได้ ทำได้แค่ไปแอบร้องไห้คนเดียว วันนั้นยอมรับเลยว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาก ๆ

 

จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

0

ในฐานะเสาหลักของครอบครัวเราต้องสู้  

จ๊ะจ๋าเอาสมุดบัญชีธนาคารทั้งหมดมาดูว่าบัญชีไหนมีเงินเก็บเท่าไรบ้าง รวบรวมเงินได้พอเป็นค่ารักษา เราให้ท่านพักที่บ้านแล้วไปพบคุณหมอเป็นระยะ ด้วยฤทธิ์ของยาทำให้อารมณ์ท่านเปลี่ยน บางทีก็ไปรื้อของในห้องเก็บของออกมา ไปตัดกล้วยไม้ของคุณแม่ที่กำลังออกดอกสวยทิ้งเพราะรู้สึกรำคาญตา เราทุกคนยอมให้ท่านทำทุกอย่างตามใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นผลข้างเคียงของยา สถานการณ์ในบ้านตอนนั้นทุกคนตึงเครียดมาก แต่เราเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ที่บ้านเห็น เวลาเจอคุณป้าก็จะให้กำลังใจท่าน ทักทายแต่สิ่งดี ๆ วันนี้คุณป้าผิวดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลย เราต้องโกหกเพื่อให้ท่านมีกำลังใจ

 

ฟ้าหลังฝน

คุณป้ารักษาโรคมะเร็งอยู่ 3 เดือนจนหาย ท่านกลับมาร่าเริง เก็บของที่รื้อออกมาให้เข้าที่ตามเดิม ซื้อต้นกล้วยไม้ใหม่ให้คุณแม่ เป็นกล้วยไม้ที่สวยกว่าต้นเดิมอีก ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม คุณป้ากลับไปตรังก็สวมชุดบีกีนี่ถ่ายรูปมาอวดพวกเรา ท่านมีความสุขเหมือนได้ชีวิตใหม่

จากเหตุการณ์นั้นทำให้จ๊ะจ๋ารู้ว่า ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ หลังจากเหตุการณ์ที่ยากลำบากผ่านไป มันต้องดีกว่าเดิม เราต้องเป็นหญ้าที่ลู่ตามลม แต่แกนในต้องมั่นคง อะไรที่เราต้องสูญเสีย จ๊ะจ๋าจะเฉยเพราะเชื่อว่าทุกอย่างก็เป็นเช่นนั้นเอง

 

เรื่อง : พริมรตา เดชอุดม

เรียบเรียง : ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์

ภาพ : ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ


บทความน่าสนใจ

เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ จากเด็กเกเรอารมณ์ร้อน ป่วยเป็นไมเกรนและไฮเปอร์เวนติเลชั่นหายได้ด้วยธรรมะ

Dhamma Daily : ดิฉันสงสัยในคำสอนว่าเราไม่ควร ยึดติด ทั้งความสุข ความทุกข์ หรืออารมณ์ เช่นนั้นชีวิตคงจะราบเรียบมาก

เมื่อพระไพศาล วิสาโล เล่าถึง พระอารมณ์ขันขององค์ทะไลลามะ

ยอมรับและจัดการอารมณ์ รับมือคำวิจารณ์แง่ลบด้วยแนวคิดเผชิญหน้าความตาย

Dhamma Daily : แม่สามี อารมณ์ร้อนจนอึดอัดใจเมื่อต้องอยู่ร่วมกัน

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.